HFT กำไรกระฉูด

เมื่อย้อนกลับไปดูราคาหุ้นบนกระดานของ HFT นับตั้งแต่ต้นปี 2558 ราคาหุ้นอยู่ที่ 3.50 บาท หลังจากนั้นราคาหุ้นได้เพียงเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบบริเวณ 3.52-3.94 บาท เป็นเวลายาว จนกระทั่งเข้าเดือนสิงหาคมราคาหุ้นมีการปรับตัวขึ้นรูปแบบเปิดแก๊ปมาอยู่ที่ 4.04 บาท ราคาหุ้นคงหวือหวาปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง ที่สุดเดือนกันยายนขึ้นมาทำจุดสูงสุดระดับ 5.70 บาท


–คุณค่าบริษัท–

 

เมื่อย้อนกลับไปดูราคาหุ้นบนกระดานของ บริษัท ฮั้วฟง รับเบอร์ (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) หรือ HFT นับตั้งแต่ต้นปี 2558 ราคาหุ้นอยู่ที่ 3.50 บาท หลังจากนั้นราคาหุ้นได้เพียงเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบบริเวณ 3.52-3.94 บาท เป็นเวลายาว จนกระทั่งเข้าเดือนสิงหาคมราคาหุ้นมีการปรับตัวขึ้นรูปแบบเปิดแก๊ปมาอยู่ที่ 4.04 บาท ราคาหุ้นคงหวือหวาปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง ที่สุดเดือนกันยายนขึ้นมาทำจุดสูงสุดระดับ 5.70 บาท

ราคาหุ้นจะขึ้นอย่างเดียวก็กระไรอยู่ ในที่สุดราคาหุ้นกลับย่อตัวลงมาทำจุดต่ำสุดที่ระดับ 4.46 บาทอีกครั้ง ถือเป็นการปรับฐาน เพื่อจะขึ้นต่อ จนที่สุดเดือนตุลาคมราคาหุ้นก็สามารถปรับตัวขึ้นต่อ แต่ระหว่างระยะทางราคาหุ้นก็มีการพักฐาน และแล้วราคาหุ้นก็ทะยานขึ้นต่อเนื่องจนมาทำจุดสูงสุดกว่า 6 บาท

งานนี้เป็นผลมาจากอานิสงส์ของการเข้ามาเก็งกำไรในส่วนของผลประกอบการที่เกิดขึ้นเป็นประจำเมื่อมีการประกาศผลประกอบการออกมาแต่ละปี เนื่องจากสวยสดงดงาม….

ดูจากปี 2554 จนถึงปัจจุบัน เป็นการยืนยันว่าผลประกอบการดีจริงๆ โดยในปี 2554 บริษัทมีกำไรสุทธิ 125.85 ล้านบาท ต่อมาในปี 2555 บริษัทมีกำไรขยับขึ้นมาอยู่ที่ 157.56 ล้านบาท และในปี 2556 บริษัทมีกำไรขยับขึ้นมาอยู่ที่ 320.55 ล้านบาท ขณะที่ในปี 2557 บริษัทมีกำไรได้ทั้งสิ้น 290.77 ล้านบาท เป็นการพิสูจน์ให้เห็นว่า ผลประกอบการของบริษัทเติบโตแข็งแกร่ง

ขณะที่ผลการดำเนินงานไตรมาส 3 สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2558 บริษัทมีรายได้ขยับขึ้นมาอยู่ที่ 655.33 ล้านบาท จากงวดเดียวกันของปีก่อน 647.23 ล้านบาท เหตุจากกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนเพิ่มขึ้น ส่งผลให้บริษัทมีกำไรขยับขึ้นมาอยู่ที่ 121.75 ล้านบาท หรือ 0.18 บาทต่อหุ้น จากงวดเดียวกันของปีก่อน 74.67 ล้านบาท หรือ 0.11 บาทต่อหุ้น

ส่วนผลการดำเนินงานงวดเก้าเดือน สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2558 บริษัทมีรายได้ขยับขึ้นมาอยู่ที่ 1,960.07 ล้านบาท จากงวดเดียวกันของปีก่อน 1,855.86 ล้านบาท ส่งผลให้บริษัทมีกำไรขยับขึ้นมาอยู่ที่ 313.80 ล้านบาท หรือ 0.48 บาทต่อหุ้น จากงวดเดียดกันของปีก่อน 219.86 ล้านบาท หรือ 0.33 บาทต่อหุ้น ต้องยอมรับว่า การบริหารจัดการงานของบริษัทยังคงดีเยี่ยม

เมื่อวิเคราะห์ฐานะทางการเงินของบริษัทพบว่า บริษัทมีสภาพคล่องทางฐานะทางการเงินค่อนข้างดี เพราะเมื่อนำเอาสินทรัพย์หมุนเวียนมากถึง 1,714.08 ล้านบาท มาเทียบกับหนี้สินหมุนเวียนเพียง 351.74 ล้านบาท ได้ค่า Current Ratio อยู่ที่ระดับ 4.88 เท่า แสดงว่าบริษัทมีความคล่องตัวทางการเงินค่อนข้างสูง ซึ่งจะส่งผลดีต่อการดำเนินธุรกิจของบริษัทในอนาคต

ส่วนปัญหาหนี้สินของบริษัทไม่มีอะไรที่ต้องเป็นห่วง เพราะบริษัทมีหนี้สินรวม 373.40 ล้านบาท เมื่อนำมาเปรียบเทียบกับส่วนของผู้ถือหุ้นที่มีอยู่ 2,221.72 ล้านบาท ได้ค่า D/E อยู่ที่ระดับ 0.17 เท่า เป็นเครื่องยืนยันว่าปัญหาหนี้สินของบริษัทไม่ได้มารบกวนการดำเนินงานแต่อย่างใด

สิ่งสำคัญ คือ ค่า P/E อยู่ที่ระดับ 10.35 เท่า นอกจากนี้เมื่อวิเคราะห์ความน่าจะเป็นที่หุ้นจะปรับตัวขึ้นต่อไปเรื่อยๆ โดยการนำมูลค่าทางบัญชีของหุ้นที่ระดับ 3.19 บาท มาคำนวณค่า P/BV ที่ระดับ 2 เท่า ได้ราคาเหมาะสมที่ 6.38 บาท ขณะที่ราคาหุ้นบนกระดานยังอยู่ที่ระดับ 5.90 บาท แสดงว่าราคาหุ้นมีโอกาสปรับตัวขึ้นได้อีก

 

ผู้ถือหุ้นรายใหญ่

1.HWA FONG RUBBER INDUSTRY CO.,LTD. 332,000,000 หุ้น 50.42%

2.KGI ASIA LIMITED 45,791,700 หุ้น 6.95%

3.บริษัท ไทยเอ็นวีดีอาร์ จำกัด 29,048,600 หุ้น 4.41%

4.นายอนันต์ ระวีแสงสูรย์ 24,500,000 หุ้น 3.72%

5.นายณัฐพัฒน์ รังสรรค์ 18,950,000 หุ้น 2.88%

 

รายชื่อกรรมการ

1.นางซู หมิง เฟิน ประธานกรรมการ

2.นางซู หมิง เฟิน กรรมการผู้จัดการ

3.นายเฉิน ไท่ กรรมการ

4.นายเยน หมิง ซัน กรรมการ

5.นายเยน เย่า หนัน กรรมการ

 

Back to top button