ลุ้น 1,680 จุด / ลีสซิ่งเริ่มคึก

ดัชนี SET เมื่อวานนี้ขึ้นไปสูงสุด 1,672.64 จุด +18.02 จุด แต่ยืนเหนือ 1,670 จุดไม่ได้ ทำให้พอปิดตลาดลงมาอยู่ที่ 1,665.74 จุด +11.12 จุด


ดัชนี SET เมื่อวานนี้ขึ้นไปสูงสุด 1,672.64 จุด หรือบวก 18.02 จุด

แต่ยืนเหนือ 1,670 จุด ไม่ได้ ทำให้พอปิดตลาด ลงมาอยู่ที่ 1,665.74 จุด บวก 11.12 จุด ส่วนมูลค่าการซื้อขาย 62,508 ล้านบาท ถือว่าค่อนข้างบางไปสักหน่อย

การที่ดัชนีย่อตัวลงมาแบบนี้

ทำให้วันนี้พอที่จะลุ้นได้ว่า SET อาจไซด์เวย์อัพ หรือบวกขึ้นไปได้อีก

แต่ยังต้องดูตัวเลขเงินเฟ้อ และแนวโน้มดอกเบี้ยของสหรัฐฯ ด้วยว่า เป็นไปตามที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้หรือไม่

หากตัวเลขเงินเฟ้อยังสูง

เฟดอาจยังใช้ยาแรงต่อไป ด้วยการขึ้นดอกเบี้ยที่ไม่น่าต่ำกว่า 0.75%

ทว่า หากไม่มีปัจจัยลบกดดันเพิ่มเติม

ทางเทคนิค ดัชนีหุ้นไทยน่าจะขึ้นไปทดสอบเหนือ 1,670 จุด อีกครั้ง

และมีแนวต้านถัดไปคือบริเวณ 1,680 จุด

กลุ่มหุ้นที่จะพาขึ้นไปคือกลุ่มพลังงาน โรงพยาบาล ธนาคาร ค้าปลีก และกลุ่มเปิดเมืองที่นำโดย AOT BDMS BH

กลุ่มธนาคาร หากจะเข้าลงทุน อาจจะต้องระวังกันหน่อย

เพราะหุ้นกลุ่มนี้จะบวกกันเพียง 1-3 วัน หลังจากนั้น ราคาจะย่อตัว

จากการแนะของนักวิเคราะห์ KTB KBANK BBL ยังเป็นหุ้นเด่นของกลุ่ม KTB ยังไม่ผ่านแนวต้าน 17.00 บาท ส่วนแนวรับ 16.80–16.50 บาท (ไม่น่าหลุด 16.50 บาท)

KBANK หลังราคาย่อตัวมาที่ 147-148 บาท

ล่าสุด น่าจะเริ่มดีดกลับ มีต้านถัดไป 152.50 บาท และ 155-158 บาท

ส่วน BBL หลังย่อตัว ตอนนี้อยู่ในช่วงของการดีดกลับเช่นกัน

แอบลุ้นกลับขึ้นมาที่บริเวณ 137-138 บาท อีกครั้ง หลังจากวานนี้ปิดบวก 1.00 บาท มาที่ 135.50 บาท

เอสซีบี เอกซ์ SCB ราคาหุ้นปิดทรงตัวมา 5 วันแล้ว ที่ระดับ 111.50 บาท

ยังมีโอกาสขึ้นไปชนแนวต้าน 115 บาท ได้

แต่ต้องรอการประกาศจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลว่าจะออกมาเท่าไหร่

ล่าสุด โบรกฯ ประเมินกันไว้ระหว่าง 1.30-1.50 บาท

ทยอยสะสมซื้อดักกันไว้ได้ เข้าทีละไม้

มาถึงกลุ่มลีสซิ่งกันสักหน่อย

เพราะก่อนหน้านี้ ราคาร่วงหนักหลังจากแบงก์ชาติทำเฮียริ่ง เรื่องการเข้าควบคุมธุรกิจดังกล่าวแบบเบ็ดเสร็จ

ประเด็นที่กลัวหรือหวั่นกัน คือ เรื่องการเข้ามาควบคุมอัตราดอกเบี้ย

ล่าสุด ยังไม่ได้มีการประกาศออกมาว่าจะเปลี่ยนแปลงอย่างไร

ทำให้ราคาหุ้นพอจะนิ่ง ๆ ได้บ้าง

บวกกับพอมีเรื่องของการปรับค่าแรงขั้นต่ำ

และจะถูกนำเข้าเสนอคณะรัฐมนตรีในวันนี้ (13 ก.ย.)

ประเด็นนี้ นักวิเคราะห์ประเมินกันว่า จะส่งผลบวกต่อหุ้นกลุ่มลีสซิ่ง เช่น MTC SAWAD SINGER SAK HENG และอีกหลายหลักทรัพย์

เหตุผลเพราะจะทำให้ช่วยเพิ่มศักยภาพในการชำระหนี้

ราคาหุ้นที่ดีดขึ้นมา

น่าจะเป็นปัจจัยหนุนราคาหุ้นกลุ่มนี้ได้แบบระยะสั้น

และอาจจะขึ้นได้แบบจำกัด

เพราะถึงอย่างไร ยังต้องลุ้นความชัดเจนจากแบงก์ชาติเรื่องดอกเบี้ยต่อไป

Back to top button