มอง ก.ย. ตลาดจะยังผันผวนจนกว่าทราบผลประชุมเฟด

InnovestX มองตลาดการเงินเริ่มชัดเจนมากขึ้นว่าเฟดจะยังคงปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยแรงต่อเนื่องเพื่อคุมเงินเฟ้อ ขณะที่เศรษฐกิจโลกจะเริ่มชะลอลง


InnovestX มองตลาดการเงินเริ่มชัดเจนมากขึ้นว่าเฟดจะยังคงปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยแรงต่อเนื่องเพื่อคุมเงินเฟ้อ ขณะที่เศรษฐกิจโลกจะเริ่มชะลอลงต่อเนื่อง ส่งผลให้ตลาดการเงินในเดือน ก.ย.ยังมีแนวโน้มผันผวนจนกว่าจะทราบผลการประชุม FOMC ในวันที่ 21-22 ก.ย.นี้ ด้านความเสี่ยงเศรษฐกิจถดถอยในยุโรปยังคงต้องระมัดระวังต่อไป เนื่องจากต้องเผชิญกับปัญหาขาดแคลนก๊าซหรือวิกฤติพลังงาน หลังรัสเซียยังคงปิดท่อส่งก๊าซให้กับยุโรปอย่างไม่มีกำหนดส่งผลให้เกิดวิกฤติค่าครองชีพพุ่งสูงขึ้น

ขณะที่ประเทศจีนยังดำเนินนโยบาย Zero COVID ทำให้จำเป็นต้องใช้มาตรการ lockdown เป็นระยะ ๆ ในหลายเมือง โดยเฉพาะเมืองใหญ่ ๆ เพื่อจัดการการแพร่ระบาดของ Covid-19 ซึ่งย่อมกระทบต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก และส่งผลให้ไตรมาส 3/2565 เศรษฐกิจมีแนวโน้มชะลอตัว

ส่วนตลาดหุ้นไทย  InnovestX มองว่า ช่วงที่ผ่านมาตลาดได้มีการรับรู้ความเสี่ยงต่าง ๆ ไประดับหนึ่งแล้ว ทำให้มีโอกาสน้อยที่ Downside จะลงลึก แต่อย่างไรก็ตาม คาด SET Index จะยังมี Upside จำกัดเช่นกัน เนื่องจากบรรยากาศการลงทุนจะยังถูกกดดันจากความเสี่ยงเศรษฐกิจโลกถดถอยที่มีมากขึ้น ขณะที่ในประเทศเองยังขาดปัจจัยหนุนใหม่ ๆ และคงต้องติดตามเกี่ยวกับสถานการณ์น้ำท่วมในประเทศ ซึ่งแม้เบื้องต้นมองว่าปี 2565 ยังมีโอกาสน้อยที่ กทม. และปริมณฑล จะเกิดสถานการณ์น้ำท่วมหนักดังเช่นปี 2554 (ปี 2554 อุทกภัยครั้งใหญ่ที่เกิดขึ้นมีพื้นที่ภัยพิบัติรวม 65 จังหวัดกระจายทุกภาคของประเทศ โดย กทม. ประสบภัย 36 เขตจาก 20 เขต สร้างความเสียหายทางเศรษฐกิจกว่า 1.9 แสนลบ.)

ยกเว้นแต่มีน้ำท่วมขังในบางพื้นที่จากที่เกิดฝนตกหนักทำให้ระบายน้ำไม่ทันในช่วงระยะเวลาสั้น ๆ หรือ เกิดน้ำท่วมในพื้นที่น้ำท่วมซ้ำซาก ซึ่งนับเป็นความเสี่ยงที่เกิดขึ้นตามฤดูกาล จึงคาดผลกระทบยังจำกัดและอาจทำให้มีผลเสียหายภาคเกษตรใกล้เคียงกับปีก่อนที่ราว 1.5 พันลบ. แต่อย่างไรก็ดี ปลาย ก.ย.–ต.ค.นี้ คงต้องติดตามปริมาณฝน การบริหารจัดการน้ำ และระดับน้ำทะเลหนุนอย่างใกล้ชิดอีกครั้ง ซึ่งอาจทำให้ความเสี่ยงเปลี่ยนไปจากที่คาดการณ์เบื้องต้นได้

ดังนั้นในช่วงสั้นนี้มุมมองการลงทุนจึงยังเป็นไปอย่างระมัดระวังและเน้นเลือกลงทุน โดยกลยุทธ์การลงทุนแนะนำ Selective Buy” ในหุ้นที่มีคุณภาพดีมีปัจจัยบวกเฉพาะ ดังนี้

  1. หุ้น Defensive ที่ผลประกอบการอิงเศรษฐกิจและกำลังซื้อในประเทศ เลือก ZEN, HTC, ADVANC
  2. หุ้นที่คาดได้อานิสงส์บวกจากสถานการณ์น้ำท่วมซึ่งเป็นความเสี่ยงตามฤดูกาลที่เกิดขึ้นใน ก.ย.-ต.ค. เลือก HMPRO, GLOBAL, CPALL, BJC, TASCO โดยจากการเก็บสถิติข้อมูลตั้งแต่ปี 2558-2564 (ยกเว้นปี 2563 ซึ่งตลาดหุ้นไทยผันผวนสูงจากประสบปัญหาการแพร่ระบาดของ COVID-19) พบว่า ช่วง ก.ย.-พ.ย. ของทุกปี หุ้นกลุ่มนี้จะมีการปรับตัวขึ้นได้ดี โดยเฉพาะหากซื้อลงทุนช่วงกลาง ก.ย. เพื่อไปขายกลาง ต.ค.-ต้น พ.ย. เพื่อคาดหวังผลตอบแทนเฉลี่ยราว 4%

ขณะที่ช่วงสั้นแนะนำให้ เพิ่มความระมัดระวัง หรือ หลีกเลี่ยงการลงทุนออกไปก่อน สำหรับหุ้นที่มีปัจจัยเสี่ยงกดดันผลประกอบการ ดังนี้

  1. หุ้นที่คาดได้รับผลกระทบจากปัญหาSupply chain หลังจีนยังคงดำเนินมาตรการล็อกดาวน์เมืองใหญ่เป็นระยะ โดยเฉพาะที่เป็นฐานการผลิตอิเล็กทรอนิกส์และยานยนต์อย่าง เฉิงตู เซินเจิ้น กุ้ยหยาง ซึ่งมีโอกาสกดดันคำสั่งซื้อและการผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์และยานยนต์ซึ่งเป็นธุรกิจเกี่ยวเนื่องจากบริษัทผู้ผลิตในไทย
  2. หุ้นท่องเที่ยวหลังมองราคาหุ้นปรับขึ้นมาแรงแล้ว ขณะที่ล่าสุดอาจได้รับ sentiment ลบจากจีนกลับมาล็อกดาวน์และยุโรปเผชิญปัญหาค่าครองชีพพุ่ง

สถิติผลตอบแทนเฉลี่ยของหุ้นที่ได้ประโยชน์จากน้ำท่วมช่วง 15 ก.ย.–15 พ.ย.  ปี 2558-2564 (ยกเว้นปี 2563 ซึ่งตลาดหุ้นผันผวนสูงจากวิกฤติ COVID-19)

Back to top button