โดนทุบแน่ ๆ

ในเมื่อตลาดหุ้นไทยยอมจำนนต่อความกังวลเรื่องเฟดเร่งขึ้นดอกเบี้ย ก็ควรเผื่อใจรับแรงกระแทกระลอกใหม่ที่จะเกิดขึ้นกับตลาดหุ้นไทยในทันที


ในเมื่อตลาดหุ้นไทยยอมจำนนต่อความกังวลเรื่องเฟดเร่งขึ้นดอกเบี้ย ก็ควรเผื่อใจรับแรงกระแทกระลอกใหม่ที่จะเกิดขึ้นกับตลาดหุ้นไทยในทันที เพราะอาการที่แสดงออกมาทำให้รู้ว่า ยังไม่มีใครกล้าเสี่ยงตายกับประเด็นร้อนชิ้นนี้ “โมนิก้า” จึงขอเดาเหตุการณ์ต่อจากนี้จะออกไปในโทนเขย่าขวัญ ซึ่งเป็นห้วงเวลาที่ไม่เหมาะสำหรับนักลงทุนประเภท “จิตอ่อน” เป็นอย่างยิ่งพะย่ะค่ะ

สาเหตุที่เป็นเช่นนั้นเพราะอาการเซถลาเป็นนกปีกหักก่อนหน้านี้ ล้วนเกิดจากท่าทีแข็งแกร่งของเฟดที่คงนโยบายอัดยาแรงเพื่อแก้ปัญหาเงินเฟ้อ ซึ่งทำให้ตลาดหุ้นทั่วโลกร่วงระเนระนาดกันไปพักหนึ่ง โดยกรอบใหญ่ที่ตลาดหุ้นไทยเริ่มร่วงก็อยู่ที่บริเวณ 1,650 จุด และลงไปพักตัวที่บริเวณ 1,550 จุด ก่อนจะเด้งกลับขึ้นไปหากรอบบนที่เริ่มร่วงลงมา ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมด 2 ครั้ง และกินระยะเวลาทั้งสิ้น 5 เดือนนะตัวเอง

งานนี้จริงเท็จประการใดก็ไม่อาจล่วงรู้ได้ เพราะสิ่งที่เม้าท์ให้ฟังเป็นเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมา “โมนิก้า” จึงอยากให้แฟนพันธุ์แท้ขาลุยประเมินการยืนปิดที่ระดับ 1,625.02 จุด ลบไป 0.71 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 6.64 หมื่นล้านบาท ดาวน์ไซด์เยอะขนาดไหน? เพราะสถานการณ์ของตลาดหุ้นไทยเปรียบเหมือนมีมีดมาจ่อคอหอย จึงไม่มีทางขยับเขยื้อนทำอะไรได้เลย และต้องรอให้ทุกอย่างค่อย ๆ คลายล็อกด้วยตัวมันเองจ้า!

เหมือนกับสถานการณ์ของหุ้นน้องใหม่ BTG ถูกถล่มขายตั้งแต่เช้ายันเย็น จนโงหัวไม่ขึ้นแบบนี้ “โมนิก้า” มองเป็นเรื่องของ “กองทุนไม่อิน ฝรั่งไม่เก็ต” เลยต้องจบลงด้วยการโดนทุบแบบไม่ปราณี ปิดเย็นวานนี้ถึงเห็นหุ้นลงมากองอยู่ที่ 36.25 บาท ลบไป 3.75 บาท หรือลงไป 9.40% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 8.71 พันล้านบาท และกลายเป็นประเด็นที่ถกเถียงกันอย่างหนักในทำนองว่า หุ้นใหญ่ไม่ได้ไปต่อ..เป็นเพราะใครเจ้าค่ะ

ประเด็นข้างต้นเลยพาลมาถึงหุ้น TLI แบบช่วยไม่ได้ เพราะเป็นรุ่นพี่ที่เข้าไปก่อนหน้า และโชว์ฟอร์มได้อย่างน่าผิดหวัง พร้อมกับมีการนินทาลับหลังมากมายหลายเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นตัว “เจ้าของ ราคาขาย เอฟเอ” ล้วนเป็นเรื่องราวที่คนเล่นหุ้นยังเม้าท์ไม่เลิก แต่โชคดีที่ราคาหุ้นพยายามไต่ระดับขึ้นมาอีกครั้ง จนขึ้นมายืนปิดอยู่ที่ 16 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 324 ล้านบาท ซึ่งเป็นระดับที่เท่ากับ IPO 16 บาทนะนายจ๋า!

ส่วนรายที่ฟอร์มไม่ค่อยดี และมีอาการเป๋เป็นเวลานาน “โมนิก้า” คงมองไปที่หุ้น OR เป็นรายถัดมาในทันที เพราะทุกครั้งที่หุ้นทำท่าจะตั้งทรงได้ทีไร มักมีเรื่องราวมากระทบบริษัทประจำ เดี๊ยนเลยไม่กล้าฟันธงว่า การยืนปิดเสมอตัวที่ระดับ 24.40 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 795 ล้านบาท เป็นระดับที่น่าเล่น ทั้งที่กำไรครึ่งปีแรกก็โตดี และหุ้นก็เทรดแค่ P/E 19 เท่า เดี๊ยนเลยสงสัยว่า เที่ยวนี้เขาให้ความสำคัญกับ “ข่าวลบ” มากกว่า “พื้นฐาน” น่ะซี

เรื่องราวที่ดราม่าข้างต้นทำให้ “โมนิก้า” ต้องเอ่ยถึงหุ้น AAI ภายใต้การกุมบังเหียน “หมอวิน” ผู้ช่ำชองเรื่องกระดูกสักหน่อย เพราะทันทีที่ราคาหุ้นทรุดฮวบลงมาปิดที่ระดับ 7.85 บาท ลบไป 1.05 บาท หรือลงไป 11.80% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 3.41 พันล้านบาท ก็ทำให้ชื่อของวีไอรายนี้ถูกเม้าท์ถึงอีกครั้ง เดี๊ยนจึงอยากชี้แจงให้เข้าใจว่า หมอวินได้ให้สัญญาใจจะขอนอนกอด 40 ล้านหุ้นเป็นเวลา 3 ปี จึงไม่น่าจะมีเอี่ยวกับราคาหุ้นที่ลงหนักนะจ๊ะ

ประเด็นข้างต้นทำให้ “โมนิก้า” อยากเม้าท์ถึงหุ้นรอยจูบ KISS ขึ้นมาทันที เพราะเป็นหุ้นอีกตัวที่โดนถล่มหนักอย่างไม่น่าเชื่อ จนราคาหุ้นลงมากองอยู่ที่ 8.60 บาท ลบไป 1.35 บาท หรือลงไป 13.60% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 229 ล้านบาท แถมก่อนหน้านี้มีหลายเสียงเม้าท์ไปในทางเดียวกันว่า ผลงานจะดีขึ้นเรื่อย ๆ เดี๊ยนเลยสงสัยว่า กำไรจริงอาจออกมาไม่ตรงปกหรือเปล่า? จึงทำให้ค่า P/E 63 เท่าลดลงเล็กน้อย และเป็นเหตุให้ต้องขายก่อนข่าวจริงเจ้าค่ะ

ตบท้ายกันที่หุ้น KCC เพื่อความบันเทิงเริงรมย์กันดีกว่า เพราะอาการโดนสาดทิ้ง 2 วันติด ด้วยมูลค่าการซื้อขายที่หนาแน่น มันตีความได้อย่างเดียวว่า ขาใหญ่เลิกวง! แถมผลงานในช่วงหลังก็มีกระแสข่าวออกมาในทำนองใช่จะดี! “โมนิก้า” ถึงไม่แปลกใจที่วานนี้ราคาหุ้นลงมายืนปิดที่ 7.35 บาท ลบไป 0.95 บาท หรือลงไป 11.45% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 272 ล้านบาท เพราะสตอรี่ที่พยายามปล่อยออกมาไม่เวิร์กเลยพับผ่าสิ!

Back to top button