รอเด้งกลับ

สถานการณ์ตลาดหุ้นไทยไม่มีอะไรต้องวอรี่ในมุมมองของโมนิก้า เพราะเป็นเรื่องที่รู้กันอยู่แล้วว่าตลาดหุ้นไทยต้องโดนถล่มจากเรื่องเฟดเร่งขึ้นดอกเบี้ย


สถานการณ์ของตลาดหุ้นไทยไม่มีอะไรต้องวอรี่ในมุมมองของ “โมนิก้า” เพราะเป็นเรื่องที่รับรู้กันอยู่แล้วว่า ตลาดหุ้นไทยต้องโดนถล่มจากเรื่องเฟดเร่งขึ้นดอกเบี้ยแน่ ๆ จึงเข้าใจเหตุผลที่ดัชนีปิดได้แค่ที่ระดับ 1,625.62 จุด บวกไป 0.60 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 5.21 หมื่นล้านบาท แถมอารมณ์ของนักเล่นก็ไม่สู้กลับเสียด้วย จึงทำให้สภาพของดัชนีตกอยู่ในภาวะไซด์เวย์เพื่อหาฐานแนวรับที่แข็งแกร่งต่อไปนะจ๊ะ

โชคดีที่มีแรงซื้อเข้ามารับตอนดัชนีลงมาใกล้แนวรับ 1,620 จุด จึงประคองตัวปิดเหนือแนวรับได้อย่างยอดเยี่ยม และมีลุ้นวิ่งรอบใหม่ในสัปดาห์หน้า เพราะตลาดหุ้นซึมซับรับข่าวร้ายไปเต็มที่ และนักเล่นเริ่มคุ้นชินกับการอัดยาแรงของเฟด “โมนิก้า” จึงมองว่า ถึงเวลาที่นักเล่นต้องกระโดดลงมาเล่นเกมนี้เต็มตัว เพราะไทม์ไลน์ของข่าวดีน่าจะมีมากขึ้นเรื่อย ๆ ไงละคะ

ไล่เรียงตั้งแต่การประกาศงบไตรมาส 3 ที่นักเล่นพอจะรู้เลา ๆ “ใครดี ใครไม่ดี” และประเด็นนี้จะถูกแทนที่ด้วยผลการดำเนินงานไตรมาส 4 ซึ่งผู้รู้ส่วนใหญ่พูดไปในทางเดียวกันว่า ดีถ้วนหน้า! ซึ่งเป็นผลมาจากกิจกรรมทางเศรษฐกิจมีความคึกคักขึ้นอีกครั้ง และในระหว่างทางน่าจะมีข่าวดีจาก MSCI เพิ่มน้ำหนักลงทุนอาทิตย์หน้า ต่อจากนั้นจะตามติดมาด้วยการประกาศของ FTSE ในสัปดาห์ถัดไปเจ้าค่ะ

เท่านั้นยังไม่พอ..ยังมีเรื่องของการเปิดซื้อกองทุน SSF-RMF รอบใหม่เพื่อใช้ลดหย่อนภาษี “โมนิก้า” เลยเดาว่า น่าจะมีเม็ดเงินไหลกลับเข้ามาซื้อหุ้นไทยอีกครั้ง และเที่ยวนี้น่าจะจัดเต็มมากกว่าในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา และในช่วงปลายเดือน ธ.ค. น่าจะมีเรื่องราวเกี่ยวกับ “คริสมาสต์ แรลลี่” เข้ามาดันหุ้นอีกรอบ เดี๊ยนถึงเชื่ออย่างสนิทใจว่า เที่ยวนี้ต้องเต็มคาลาเบลนะพี่น้อง

เช่นเดียวกับในรายของ BTG ถูกชาวโซเชียลอัดเต็มทุกดอก พร้อมกับตั้งคำถามถึง “เจ้าของ ราคาขาย เอฟเอ” คล้ายกับรุ่นพี่ที่เข้าตลาดหุ้นไปก่อนหน้านี้ “โมนิก้า” มองเป็นเรื่องที่ต้องตอบสังคมให้ได้แบบสิ้นสงสัย เพราะมันมีเรื่องราวที่ชวนสงสัยเยอะพอสมควร จึงไม่อาจพูดว่า การยืนปิดที่ระดับ 37.50 บาท บวกไป 1.25 บาท หรือขึ้นไป 1.25% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 2.01 พันล้านบาท “เคลียร์คัต ตัดจบ” ทุกเรื่องราวที่ค้างคาในใจนักเล่นแล้วจ้า!

ประเด็นร้อนดังกล่าวทำให้ “โมนิก้า” ต้องเอ่ยถึงหุ้น STARK เพื่อชี้ให้เห็นการเด้งกลับขึ้นมาปิดที่ระดับ 3.42 บาท บวกไป 0.24 บาท หรือขึ้นไป 7.55% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 443 ล้านบาท ก็เป็นจังหวะที่ทำให้คิดหนักเหมือนกันว่า ทุกอย่างจบแล้วใช่ไหม? และเริ่มนับหนึ่งใหม่ใช่ไหม? เพราะข่าวเม้าท์เกี่ยวกับกลุ่มคนที่ได้ PP สาดหุ้นออกมายังไม่จางหาย เดี๊ยนเลยไม่กล้าออกตัวอะไรทั้งสิ้น และขอให้ดูวันนี้มีแรงซื้อเข้ามาอีกไหม? เพราะจะเป็นตัวบอกให้รู้ว่า เกมเปลี่ยนเจ้าค่ะ

เม้าท์ถึงเรื่องเกมเปลี่ยนขึ้นมาทั้งที ต้องมีชื่อของหุ้นน้องใหม่ TEGH รวมอยู่ด้วยอย่างแน่นอน เพราะการพุ่งพรวดขึ้นมาปิดที่ระดับ 4.72 บาท บวกไป 0.56 บาท หรือขึ้นไป 13.45% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 464 ล้านบาท “โมนิก้า” มองเป็นเรื่องที่ไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน และเป็นเรื่องที่ชวนให้ติดตามแบบใกล้ชิด เนื่องจากวันนี้หุ้นเทรดบน P/E 7 เท่า และปีนี้มีลุ้นเห็นกำไรต่อหุ้นขึ้นไปแตะ 0.90 บาทแบบนี้..6 บาทยังน้อยไปด้วยซ้ำกระมัง!

คล้ายกับสถานการณ์ของหุ้น LPN ก็กระชากขึ้นมาปิดที่ระดับ 4.60 บาท บวกไป 0.40 บาท หรือขึ้นไป 9.50% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 320 ล้านบาทแบบไม่บอกไม่กล่าว “โมนิก้า” ย่อมมองเป็นเรื่องของบรรยากาศการลงทุนเป็นใจ บรรดานักเล่นถึงหวนกลับมาไล่ราคาหุ้นอสังหาฯ อย่างเอิกเกริก และชวนให้ติดตามดูว่า เที่ยวนี้จะขึ้นไปแถว 5.60 บาท เหมือนกับที่ทำได้ในปีก่อนไหมเอ่ย?

เรื่องราวข้างต้นกลายเป็นประเด็นที่ทำให้ “โมนิก้า” อยากเอ่ยถึงหุ้นโรงหมอ CHG ขึ้นมาทันที เพราะเมื่อดูจากรอบวิ่งของหุ้นตั้งแต่ต้นปีจะเห็นว่า 3.40-3.90 บาทเป็นกรอบที่เล่นประจำ แถมวันนี้หุ้นก็เล่น P/E 7 เท่าเสียด้วย เดี๊ยนถึงมองการยืนปิดที่ระดับ 3.66 บาท บวกไป 0.10 บาท หรือขึ้นไป 2.80% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 293 ล้านบาท กลายเป็นช็อตที่นักเล่นต้องตามน้ำแบบไม่มีข้อสงสัย เพราะทุกอย่างมันเอื้อให้สุด ๆ นะจะบอกให้

Back to top button