ความท้าทายของกลุ่ม JMART

นับเป็นความสำเร็จของกลุ่ม JMART ภายใต้การนำทีมของหัวเรือใหญ่ “อดิศักดิ์ สุขุมวิทยา” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ที่ตั้งเป้าหมายการเติบโตไม่น้อยกว่า 50%


เส้นทางนักลงทุน

บริษัทจดทะเบียนในกลุ่มตระกูลเจ ประกอบด้วย บมจ.เจ มาร์ท (JMART), บมจ.เจ เอ็ม ที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิสเซ็ส (JMT), บมจ.ซิงเกอร์ประเทศไทย (SINGER), บมจ.เจเอเอส แอสเซ็ท ( J) และ บมจ.เอสจี แคปปิตอล (SGC) ได้โชว์ผลงานปี 2565 ออกมาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

โดย JMART ทำกำไรสุทธิได้ 1,795 ล้านบาท ลดลง 27.3% จากปี 2564 ที่มีกำไร 2,467.59 ล้านบาท แต่หากไม่รวมรายการกำไรพิเศษที่เกิดขึ้นจำนวน 1,296 ล้านบาท ในปีก่อน กำไรสุทธิจะเติบโตที่ 53% ส่วนรายได้รวมเติบโตจากปีก่อนหน้า 18% มาอยู่ที่ 13,920 ล้านบาท คณะกรรมการบริษัท (บอร์ด) ยังใจดี เล็งจ่ายปันผลงวดครึ่งหลังปี 2565 อัตรา 0.66 บาท/หุ้น

ขณะที่ JMT งวดปี 2565 ทำจุดสูงสุดใหม่กำไรดีต่อเนื่องเป็นปีที่ 7 เติบโตมาที่ 1,746 ล้านบาท บวกไป 25% จากปีก่อน เช่นเดียวกับรายได้รวมที่เติบโต 22% มาที่ 4,410 ล้านบาท บอร์ดอนุมัติจ่ายปันผลเป็นเงินสดอัตรา 0.59 บาท/หุ้น

ส่วน SINGER มีกำไรสุทธิ 941 ล้านบาท ดีขึ้น 34.2% มีรายได้รวม 5,205 ล้านบาท เติบโต 18.4% และเตรียมจ่ายเงินปันผลให้ผู้ถือหุ้นในอัตรา 0.26 บาท/หุ้น

ด้าน J มีกำไร 202.34 ล้านบาท จากปีก่อนที่ 161.44 ล้านบาท ขยายตัวคิดเป็น 25% พร้อมแจกปันผล 0.03 บาท/หุ้น และ SGC อวดกำไรนิวไฮ 667 ล้านบาท ทะยานไป 13% ผู้ถือหุ้นรอรับปันผล 0.11 บาท/หุ้น ได้เลย

นับเป็นความสำเร็จของกลุ่ม JMART ภายใต้การนำทีมของหัวเรือใหญ่ “อดิศักดิ์ สุขุมวิทยา” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ที่ตั้งเป้าหมายการเติบโตไม่น้อยกว่า 50% วิสัยทัศน์ Technology Investment Holding Company (T-IHC) ซึ่งถือเป็นการเติบโตจากทั้ง Organic growth และ Inorganic growth ด้วย Ecosystem ที่แข็งแกร่ง สนับสนุนการต่อยอดโอกาสในธุรกิจการเงิน ค้าปลีก และเทคโนโลยี

ในปี 2566 กลุ่ม JMART ยังคงตั้งเป้าสร้างกำไรนิวไฮต่อเนื่อง จากทุกกลุ่มธุรกิจจะเติบโตอย่างชัดเจน โดย JMART เองนอกจากธุรกิจเดิมแล้วยังจะรับรู้รายได้เต็มปีในสุกี้ ตี๋น้อย ที่เข้าไปถือหุ้น 30% รวมทั้งการลงทุนในบริษัท น้ำตาลบุรีรัมย์ จำกัด (มหาชน) ที่จะสร้าง Ecosystem ทางด้านการขายสินค้า และการปล่อยสินเชื่อรูปแบบต่าง ๆ ตลอดจนการลงทุนในบริษัท พีอาร์ทีอาร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ที่จะเกิดขึ้นเร็ว ๆ นี้

ทั้งนี้ จากนโยบายของกลุ่ม JMART ที่ต้องการให้แต่ละธุรกิจเติบโตอย่างแข็งแกร่ง คาดว่าจะมีการนำสุกี้ ตี๋น้อยเข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้นอีกไม่นานจากนี้

ขณะที่ JMT ตั้งเป้าซื้อหนี้เข้าพอร์ตด้วยงบลงทุน 10,000 ล้านบาท และคาดปี 2566 นี้ พอร์ตสินเชื่อน่าจะแตะไปถึง 1 แสนล้านบาท

โดยก่อนหน้านี้มีการจับมือกันครั้งใหญ่เพื่อก้าวขึ้นสู่การเป็นผู้นำกลุ่มบริษัทบริหารสินทรัพย์เบอร์ 1 ของไทย ระหว่าง JMT กับบมจ.ธนาคารกสิกรไทย ที่ได้ส่งบริษัท กสิกร อินเวสเจอร์ จำกัด (KINVESTURE) ซึ่งเป็นบริษัทย่อย เข้าลงทุนในหุ้นสามัญของบริษัท บริหารสินทรัพย์ เจ จำกัด (JAM) สัดส่วน 9.9% ด้วยเม็ดเงินลงทุนกว่า 3,500 ล้านบาท เพื่อสนับสนุนการเติบโตของ JAM ในอนาคต

ส่งผลให้โครงสร้างการถือหุ้นภายหลังการเพิ่มทุนใน JAM เปลี่ยนเป็น JMT ถือหุ้น 90.01% จากเดิม 99.99% ขณะที่สัดส่วนการถือหุ้นที่เหลือ 9.99% เป็นของกสิกร อินเวสเจอร์ และมีโอกาสมากที่ JMT จะ spin off JAM เข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้นในระยะถัดไป

ธนาคารกสิกรไทยเคยจับมือกับ JMT จัดตั้งบริษัท บริหารสินทรัพย์ เจเค จำกัด (JK AMC) ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนแห่งแรกในไทย ระหว่างธนาคารพาณิชย์และบริษัทบริหารสินทรัพย์ ตามนโยบายธนาคารแห่งประเทศไทย เพื่อแก้ไขปัญหาสินทรัพย์ด้อยคุณภาพที่เพิ่มขึ้นจากสถานการณ์โควิดมาแล้วเมื่อเดือนมิถุนายนปีที่ผ่านมา และเริ่มดำเนินกิจการในไตรมาส 3 ปี 2565 ได้อย่างประสบความสำเร็จตามเป้าหมาย

JMT วางเป้าหมายจะก้าวขึ้นเป็นอันดับ 1 ของธุรกิจบริหารสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ ภายในปี 2568 มองว่าความไม่แน่นอนที่เกิดกับเศรษฐกิจโลก เศรษฐกิจประเทศไทย และแนวโน้มหนี้เสียที่เร่งตัวสูงขึ้น เป็นโอกาสใช้เงินทุนในการซื้อหนี้ด้อยคุณภาพจากสถาบันการเงินอื่น ๆ มาบริหารมากขึ้น เพิ่มโอกาสในการเข้าถึงผู้ซื้อทรัพย์ NPA ทั่วประเทศ

สำหรับ SINGER นั้น ในปีนี้จะเดินหน้าขยายธุรกิจด้วย Ecosystem มุ่งสู่การเป็นผู้นำค้าปลีกและสินเชื่อเช่าซื้อที่จะเจาะตลาดทั่วประเทศจากฐานทุนที่แข็งแกร่งขึ้นของ SGC ที่เข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้น ทำให้ต้นทุนทางการเงินลดลง

อย่างไรก็ตาม โบรกเกอร์คาดกำไรปี 2566 จะเติบโต 10-15% แต่มีความกังวลว่าคุณภาพสินเชื่อมีแนวโน้มแย่ลง NPL มีโอกาสปรับเพิ่มขึ้นจากฝั่งเครื่องใช้ไฟฟ้า แม้จะตั้งเป้าควบคุมไม่เกิน 5% ดังนั้นมีความเป็นไปได้ที่การตั้งสำรองในปีนี้จะยังคงสูงอยู่ แต่ตั้งเป้าพอร์ตสินเชื่อแตะ 2 หมื่นล้านบาทในปีนี้ ซึ่งต่ำกว่าคาด

ส่วน JMT โบรกเกอร์ให้เป้าหมาย 80 บาท คาดกำไรปีนี้จะอยู่ที่ 2,501 ล้านบาท เติบโต 43% จากปีก่อน มองส่วนแบ่งกำไรจาก JK AMC มากขึ้น จากการรับโอนหนี้จากธนาคารกสิกรไทย

ด้วยวิสัยทัศน์ Technology Investment Holding Company ทำให้กลุ่ม JMART เตรียมเสนอผู้ถือหุ้นปรับชื่อเป็น บมจ.เจมาร์ท กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ อย่างไรก็ตามเป้าหมายในปี 2566 ที่หัวเรือใหญ่ “อดิศักดิ์ สุขุมวิทยา” ตั้งไว้ ก็นับว่าท้าทายอย่างมากเช่นกัน

Back to top button