หุ้นรับหน้าร้อน

ตลาดหุ้นขาลงเล่นค่อนข้างยาก ยิ่งนักลงทุนหลายคนอาจเทรดหุ้นที่เราติดตามประจำ เพราะอาจจะเชื่อมั่นว่า “จับจังหวะได้”


ตลาดหุ้นขาลงเล่นค่อนข้างยาก

ยิ่งนักลงทุนหลายคนอาจเทรดหุ้นที่เราติดตามประจำ เพราะอาจจะเชื่อมั่นว่า “จับจังหวะได้”

สถานการณ์ตลาดหุ้นแบบนี้ถือว่า “อันตราย”

เพราะหุ้นที่เราเทรดประจำต้องดูกราฟและแนวโน้มธุรกิจประกอบด้วย

หากดูกราฟย้อนหลังราว 1 สัปดาห์ แล้วเป็นขาลงตลอด

แสดงว่าหุ้นตัวนั้น ๆ มีความสุ่มเสี่ยงสูงในภาวะตลาดเช่นปัจจุบัน

ทว่า ภาวะตลาดแบบนี้ใช่ว่าจะเล่นไม่ได้เลย

เพียงแต่ว่าต้องหาธีม และหาตัวหุ้นเด่นในธีมนั้น ๆ ให้ได้

ล่าสุด มีการทำธีมหุ้นรับหน้าร้อนจากโบรกเกอร์ต่าง ๆ

เช่น ของ บล.หยวนต้าบอกว่า อย่างนี้กรมอุตุนิยมวิทยาคาดหน้าร้อนปีนี้จะเริ่มในช่วงต้นเดือน มี.ค. และจะสิ้นสุดในช่วงกลางเดือน พ.ค.

และช่วงกลางเดือน มี.ค. ถึงปลายเดือน เม.ย. อุณหภูมิอาจแตะ 45 องศาได้ในบางวัน

จากการศึกษาพฤติกรรมของผู้บริโภค

มีการพบว่ากิจกรรมที่มักเกิดขึ้นในช่วงฤดูร้อน คือ ท่องเที่ยวทะเล, สวนน้ำ, เดินห้างสรรพสินค้า, เปิดแอร์เพิ่มขึ้น, ดื่มเครื่องดื่มที่สดชื่น

สอดรับกับสถิติ 10 ปีย้อนหลัง ในช่วงเดือน มี.ค.-พ.ค.

“หุ้นกลุ่มค้าปลีก” ปรับตัวขึ้น 3.60%

ขนส่งปรับตัวขึ้น 3.35%

อาหารและเครื่องดื่มปรับตัวขึ้น 2.22%

และโรงแรมปรับตัวขึ้น 1.43%

ขณะที่กลุ่มโรงไฟฟ้า เป็นอีกกลุ่มที่ได้ประโยชน์เช่นกัน เพราะปริมาณการใช้ไฟฟ้าภาคครัวเรือนช่วงเดือน มี.ค.-พ.ค. ของทุกปี จะเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 12%

มาถึงหุ้นที่คาดว่าจะได้ประโยชน์ในธีม (Theme) นี้

เมื่ออิงจาก Coverage บล.หยวนต้า คือ บริษัท คาราบาวกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ CBG, บริษัท โอสถสภา จำกัด (มหาชน) หรือ OSP, บริษัท อิชิตัน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ ICHI

บริษัท โรแยล พลัส จำกัด (มหาชน) หรือ PLUS, บริษัท หาดทิพย์ จำกัด (มหาชน) หรือ HTC, บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ CRC

บริษัท อินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์ จำกัด (มหาชน) หรือ ILM, บริษัท ดิ เอราวัณ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ ERW

บริษัท โรงแรมเซ็นทรัลพลาซา จำกัด (มหาชน) หรือ CENTEL

บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ MINT

บริษัท เอ็มเค เรสโตรองต์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ M

บริษัท ราช กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ RATCH

และบริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF

ส่วนกลุ่มที่อาจเสียประโยชน์หากปริมาณน้ำปีนี้มาน้อยกว่าค่าเฉลี่ย

นั่นคือ คือ ผู้ผลิตไฟฟ้าจากเขื่อน และกลุ่มที่พึ่งพารายได้จากภาคการเกษตร อาจได้รับผลกระทบทางอ้อมจากผลผลิตที่ออกมาน้อย เช่น กลุ่มสินค้าเกษตรและกลุ่มไฟแนนซ์

ส่วน บล.ฟิลลิปมีมุมมองเชิงบวกต่อหุ้นที่ได้รับอานิสงส์จากอากาศที่ร้อนขึ้นเช่นกัน

นำโดยหุ้นกลุ่มอาหารและเครื่องดื่มดับกระหายอาทิ CBG, CENTEL, ICHI, MINT, OSP, SAPPE และ TACC

ห้างสรรพสินค้าและร้านสะดวกซื้อ อาทิ CPALL, CPN, LH

หุ้นรับความต้องการใช้ไฟฟ้าที่สูงขึ้น ทั้งในโรงงานและครัวเรือน เช่น BGRIM, GPSC, GULF

สุดท้ายคือ หุ้นรับ ยอดขายเครื่องปรับอากาศ เช่น DOHOME, GLOBAL และ HMPRO

Back to top button