OR ราคาหด..กำไรห่าง.!

หุ้นปั๊มสีฟ้า OR เป็นน้องเล็กสุดท้องในกลุ่มปตท. เข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ มาตั้งแต่ต้นปี 2564 ถือเป็นหุ้นพิมพ์นิยมที่นักลงทุนรายย่อยเข้าถึงเยอะ


หุ้นปั๊มสีฟ้า บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR เป็นน้องเล็กสุดท้องในกลุ่มปตท. เข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ มาตั้งแต่ต้นปี 2564 (11 ก.พ. 2564) ด้วยราคาไอพีโอ 18.00 บาท ถือเป็นหุ้นพิมพ์นิยมที่นักลงทุนรายย่อยเข้าถึงเยอะ (ปิดสมุด ณ วันที่ 1 มี.ค. 2566 มีผู้ถือหุ้นรายย่อย 342,941 ราย)

ตอนเข้าตลาดฯ กระแสฮอตฮิต ใคร ๆ ก็อยากได้หุ้น OR มาครอบครอง จนต้องใช้วิธีกระจายหุ้นแบบ Small Lot First เพื่อให้รายย่อยเข้าถึงได้ทั่วถึง…

ซึ่งนอกจากนักลงทุนรายย่อยแล้ว บรรดาเซียน ๆ ก็จ้องตาเป็นมัน สุดท้ายก็มีเซียนดังหลายคนที่เข้ามาถือหุ้น OR แต่ที่ฮือฮาคงหนีไม่พ้น “เซียนฮง”-สถาพร งามเรืองพงศ์ ที่เคยถือหุ้นใหญ่เบอร์ 2 เป็นรองแค่บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT เท่านั้น (ปัจจุบันได้ขายล้างพอร์ตไปแล้ว)

ช่วงแรก ๆ หุ้น OR ก็ดูจี๊ดจ๊าดไม่เบา ราคาเคยปรับขึ้นไปสูงสุดที่ 36.50 บาท แต่พอถึงจุดหนึ่งก็ตันซะงั้น ไปต่อไม่ไหว ประกอบกับรายใหญ่เริ่มทิ้งหุ้น ทำให้ราคาไม่ไปไหน มิหนำซ้ำยังมาเจอวิกฤตโควิดทุบซ้ำ ยิ่งไปกันใหญ่ ผลประกอบการที่เคยคาดหวังว่าจะเริ่ดหรูอลังการ ไม่เป็นอย่างที่หวัง…แม้ช่วงปลายปี 2565 สถานการณ์โควิดจะดีขึ้นก็ตาม…

แต่ราคากลับทรุดลงเรื่อย ๆ มีการขายทำกำไรออกมาอย่างต่อเนื่อง แถมยังมาเจอภาวะตลาดฯ ไม่เอื้อซ้ำเติมอีก ทำให้ราคาไหลลงลึกหลุด 22.00-23.00 บาท ซึ่งเป็นแนวรับสำคัญ สุดท้ายก็หลุด 20.00 บาทอีก…ดีนะเนี่ยที่เมื่อวันศุกร์ที่ 17 มี.ค. ราคาตีตื้นขึ้นมา กลับมายืนเหนือ 20.00 บาทได้อีกครั้ง…

ว่าแต่จะยืนแบบขาสั่น ๆ หรือยืนแข็งแกร่ง..? อันนี้ยังตอบยาก

แต่เอ๊ะ…ดู ๆ แล้วก็เข้าใกล้ราคาไอพีโอที่ 18.00 บาทเข้าไปทุกที..!!

จากปรากฏการณ์นี้น่าสนใจ เนื่องจากสถานการณ์เมื่อ 2 ปีที่แล้ว ราคาไอพีโอที่ 18.00 บาท กำไรสุทธิไม่ถึงหมื่นล้าน โดย ณ สิ้นปี 2563 ก่อนเข้าเทรด กำไรอยู่ที่ 8,791.07 ล้านบาท ส่วน P/E อยู่ที่ 26.90 เท่า แต่ตอนนี้สถานการณ์เปลี่ยนไปแล้ว ทิศทางกำไรของ OR ในปี 2566 ถูกมองว่าอย่างน้อย ๆ น่าจะเห็น 12,000 ล้านบาท หรือไม่ก็อาจจะสูงถึง 14,736 ล้านบาท ขณะที่ P/E ล่าสุดอยู่ที่ 23.03 เท่า

ถ้าเทียบเคียง OR ก็อยู่ในสถานการณ์ราคาหด…กำไรห่างนั่นเอง..!!

ขณะที่ มุมมองของนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ยังเชียร์ “ซื้อ” หุ้น OR โดยมองว่าราคาที่ลงมาลึก เป็นจังหวะในการเก็บสะสม รับการฟื้นตัวของผลประกอบการตั้งแต่ไตรมาส 1/2566 เป็นต้นไป หนุนจากการกลับมาดำเนินงานตามปกติของโรงกลั่น

ส่วนปัจจัยบวกเรื่องค่าการตลาดค้าปลีกดีเซลที่ขึ้นจาก 1.4 บาท เป็น 2 บาท มีผลตั้งแต่ 15 ก.พ. จะเป็นแรงที่ช่วยให้ค่าการตลาดค้าปลีกกลับสู่ระดับปกติ นอกจากนี้ในไตรมาส 1/2566 ยังเป็นฤดูกาลท่องเที่ยว ส่งผลให้ปริมาณการใช้น้ำมันยังทรงตัวระดับสูง และราคาน้ำมันเริ่มสร้างฐานได้

โดยให้ราคาสูงสุดอยู่ที่ 34.00 บาท ราคาต่ำสุด 19.00 บาท และมีราคาเป้าหมายเฉลี่ยที่ 26.39 บาท

ก็ยังมีอัพไซด์อีกเพียบ..!!

แต่ถ้าใครเห็นต่างจากนี้ ก็ไม่ว่ากันนะ…เอาที่สบายใจละกัน

…อิ อิ อิ…

Back to top button