ขายหุ้นไปเลือกตั้ง

แทบทุกครั้งที่มีการเลือกตั้งใหญ่ในประเทศไทย ทราบกันดีว่า ตลาดหุ้นเป็นแหล่งเงินสำคัญ ของคนในแวดวงการเมืองที่จะเข้ามาหาเงินจากในนี้


แทบทุกครั้งที่มีการเลือกตั้งใหญ่ในประเทศไทย

ทราบกันดีว่า ตลาดหุ้นเป็นแหล่งเงินสำคัญ ของคนในแวดวงการเมืองที่จะเข้ามาหาเงินจากในนี้

เลือกตั้งครั้งนี้เช่นเดียวกัน

ผู้บริหารระดับสูงในวงการหลักทรัพย์

ได้ยอมรับว่า มีการเข้ามาทำราคาหุ้น เพื่อ “หาเงินไปใช้เพื่อการเลือกตั้ง”

รูปแบบของการเข้ามา

มีทั้ง “นอมินี” ในรูปนักลงทุนไทย ไพรเวทฟันด์ และรวมถึงนักลงทุนต่างประเทศ

หรือที่เรารู้จักกันในชื่อ

“ฝรั่งหัวดำ”

การทำราคา หรือ “ปั่นหุ้น” ขึ้นมา

อาจจะแตกต่างจากก่อนหน้านี้

เพราะหุ้นที่ถูกลากขึ้นมา หลายตัวมีพื้นฐานดี เป็นหุ้นบิ๊กแคป ในกลุ่ม SET50 หรืออย่างน้อย SET100

ซึ่งหุ้นในกลุ่มเหล่านี้

แทบจะไม่มีภาพลักษณ์ของการเป็นหุ้นปั่น

ทำให้แทบจะมองไม่ออก

หากจะถามว่ามีหุ้นตัวไหนบ้าง

คำตอบคือ “ตอบไม่ได้”

แต่หากเป็นคนในวงการหลักทรัพย์ เป็นผู้บริหารระดับสูง หรือเจ้าของกิจการหลักทรัพย์

และอยู่ในวงการมายาวนาน

ข่าวว่า ผู้บริหารเหล่านี้จะทราบกันดีว่ามีหุ้นตัวไหนบ้าง

เพราะจะมองเห็นออเดอร์ หรือคำสั่งซื้อขายแปลก ๆ (ที่แทบไม่มีความแปลก) จากการเทรดแบบปกติ

หากจะถามต่อว่า แล้วเลือกตั้งครั้งนี้มีการทำราคาหุ้นกันมาหรือยัง

ข่าวว่า น่าจะอยู่ในช่วงการของการเทขายเพื่อทำกำไร

เพราะหุ้นที่จะทำราคาขึ้นมา

มีการเข้าไปเก็บมาตั้งแต่ช่วงราคายังไม่ได้ปรับขึ้นมาสูงนัก หรือดัชนีช่วงประมาณ 1,500 จุด (ปลายปี 2565)

เข้าใจว่า หากการขายรอบนี้ของกลุ่มทุนเลือกตั้งสะเด็ดน้ำ

ดัชนีน่าจะเริ่มกลับมาสร้างฐาน

และค่อย ๆ ทยอยปรับขึ้นได้

แต่ตลาดหุ้นไทยนอกจากจะเผชิญกับกลุ่มทุนเลือกตั้งที่ขายออกมา

ยังมีความกังเวลเรื่องของเครดิต สวิส ที่ปัญหายังแก้ไม่สะเด็ดน้ำ

คือ ถึงแม้จะทราบกันดีว่า ทางการของสหรัฐฯ และสวิตเซอร์แลนด์ จะไม่มีวันปล่อยให้แบงก์ล้มแน่ ๆ

แต่เรื่องแบบนี้ การดึงเงินสดกลับมาอยู่ในมือส่วนหนึ่ง

น่าจะเป็นการปิดความเสี่ยงได้ในระดับหนึ่ง

รอจนฝุ่นจาง หมดความกังวล

ค่อยกลับเข้าไปลงทุนอีกครั้ง

ส่วนธนาคารกลางสหรัฐ หรือ เฟด ที่จะนัดเคาะดอกเบี้ย วันที่ 21-22 มี.ค.นี้

ยังต้องมาลุ้นกันว่าขึ้น 0.25% หรือ 0.50%

เพราะจะมีผลกระทบไปยังตลาดหุ้นทั่วโลก และของไทยด้วยแน่นอน

Back to top button