ตั้งหลักให้ได้ก่อน! โมนิก้าและทีมงาน

*หากเป็นสถานการณ์ปกติ “โมนิก้า” คงไม่ค่อยทุกข์ร้อนอะไรมากมายเมื่อเห็นดัชนีอ่อนตัวลงอย่างต่อเนื่อง แต่สถานการณ์ของการลงทุนในยามนี้ไม่ได้เป็นเช่นนั้น จึงค่อนข้างทุรนทุรายเหมือนโดนข้าวสารเสก (โลโซ) และในระหว่างที่มีความอึดอัดใจอยู่นั้น จู่ๆ ก็มีแรงซื้อทยอยเข้ามาอย่างต่อเนื่อง จนดัชนีฟื้นตัวจากจุดต่ำสุดที่ 1,325.86 จุด ก่อนจะวิ่งขึ้นมาปิดที่ระดับ 1,340.62 บวกไปแค่ 1.17 จุด ด้วยมูลค่า 4.32 หมื่นล้านบาทไงล่ะค่ะ


*หากเป็นสถานการณ์ปกติ “โมนิก้า” คงไม่ค่อยทุกข์ร้อนอะไรมากมายเมื่อเห็นดัชนีอ่อนตัวลงอย่างต่อเนื่อง แต่สถานการณ์ของการลงทุนในยามนี้ไม่ได้เป็นเช่นนั้น จึงค่อนข้างทุรนทุรายเหมือนโดนข้าวสารเสก (โลโซ) และในระหว่างที่มีความอึดอัดใจอยู่นั้น จู่ๆ ก็มีแรงซื้อทยอยเข้ามาอย่างต่อเนื่อง จนดัชนีฟื้นตัวจากจุดต่ำสุดที่ 1,325.86 จุด ก่อนจะวิ่งขึ้นมาปิดที่ระดับ 1,340.62 บวกไปแค่ 1.17 จุด ด้วยมูลค่า 4.32 หมื่นล้านบาทไงล่ะค่ะ

*ถามว่าตรงนี้คือสัญญาณบอกอะไรให้เหล่านักเล่นได้ทราบบ้าง “โมนิก้า” ขอตอบกลับไปในทันทีว่า อย่าทำตัวเป็นกระต่ายตื่นตูมเท่านั้นก็พอ เพราะในทุกวิกฤติย่อมมีโอกาสในการลงทุนเสมอ วันนี้ถึงต้องมองเรื่องต่างๆ อย่างเป็นระบบเพื่ออ่านเกมในภายหน้าหน้าให้ออก พร้อมกันนี้ก็อยากให้แฟนคลับหันมาเล่นหุ้นในลักษณะ “เข้าเร็ว ออกเร็ว” เพื่อความคล่องตัวในการขยับพอร์ตเจ้าค่ะ

*เนื่องจากสิ่งที่เห็นในจังหวะนี้ คือ ดัชนียังโย้ไปโย้มา มองไม่เห็นทิศทางที่ชัดเจน แถมยังมีปัจจัยลบหลายเรื่องรออยู่ข้างหน้า “โมนิก้า” ถึงอยากให้นักลงทุนเฝ้าสังเกตให้ดีๆ เพราะหุ้นมีโอกาสทิ้งตัวลงแรงได้ทุกเมื่อ และทุกคนคงได้เห็นมากับตาตัวเองมาแล้ว วันนี้ถึงต้องโฟกัสตัวเองให้ชัดเจนว่า “ซื้อ ถือ ขาย” หรือจะเลือกเอาในแบบที่สบายใจก็คือ ขออยู่เงียบๆ ชั่วคราวก็ได้นะคะ

*สาเหตุที่ทำให้ “โมนิก้า” ต้องเม้าท์เช่นนั้น ล้วนมาจากยอดขายหนักๆ ไปโผล่ที่กองทุน 1 พันล้านบาท ต่อจากนั้นตามติดมาด้วย 440 ล้านบาท ก่อนจะตบท้ายด้วยปอบผีฟ้า 140 ล้านบาท มันเป็นภาพการลดพอร์ตที่แจ่มแจ้งสุดครั้งหนึ่ง และการปรับลดพอร์ตน่าจะดำเนินต่อไปอีกระยะหนึ่ง เดี๊ยนถึงไม่ค่อยคาดหวังอะไรมากนัก เพราะอยากเห็นแค่ตั้งหลักสร้างฐานให้ได้ก่อนเท่านั้นเองพะยะค่ะ

*หากมองภาพไม่ออก “โมนิก้า” ขอแนะนำให้ไปชะโงกดูหุ้นCPF ให้เป็นตัวอย่างในการลงทุน เพราะก่อนหน้านี้เคยลงมาแตะ 19.50 บาท ต่อจากนั้นก็เด้งขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนสุดท้ายขึ้นไปยืนแถว 22 บาท ถัดจากนั้นก็อ่อนตัวลงมาที่เดิม ซึ่งเป็นการวนเวียนเช่นนี้มาแล้วด้วยกัน 3 รอบ ขณะที่วานนี้หุ้นเด้งจากแดนลบขึ้นมาปิดที่ 19.80 บาท บวกไป 0.10 บาท มันเป็นจังหวะของการวัดใจผู้กล้านะจะบอกให้

*ส่วนในรายของ CPALLเกิดแรงกระเพื่อมทั้งทางสังคม และราคาหุ้นแบบนี้ “โมนิก้า” ถือเป็นเหตุการณ์ที่นักลงทุนจะต้องแยกแยะให้ออกอย่างเร่งด่วนว่า  “ส่วนตัว” หรือ “บริษัท” ไม่เช่นนั้นจะทำให้จุดโฟกัสของการลงทุนผิดเพี้ยน และงานนี้ไม่ได้เข้าข้างใครทั้งสิ้น แค่อยากให้ดูว่า ราคาหุ้นทิ้งตัวลงมาที่ 42.50 บาท หลังจากนั้นตีตื้นขึ้นมาเรื่อยๆ จนสุดท้ายปิดที่ 44.25บาท ลบไป 2.50 บาท หรือลงไป 5% ด้วยมูลค่า 7 พันล้านบาท แถมกลุ่มผู้บริหารที่มีปัญหาเรื่อง CG ยังอยู่กันครบถ้วน..พลาดอะไรหรือเปล่าจ๊ะ

*สำหรับดาวเด่นอีกหนึ่งตัวที่ “โมนิก้า” เฝ้าดูความเป็นไปมาระยะ และวันนี้ก็ได้ฤกษ์เม้าท์ถึงสักหน่อยก็คือ JASกับ MONOหลังควงคู่โต้ลมหนาวได้อย่างไม่น่าเชื่อ ล่าสุดเด้งขึ้นมาปิดที่ 4.80บาท บวกไป 0.38บาท หรือขึ้นไป 8.60% ส่วนรายหลังวิ่งขึ้นมาปิดที่ 2.16บาท บวกไป 0.23 บาท หรือขึ้นไป 12% มันเป็นอีกหนึ่งจังหวะของคนที่ชอบรับประทาน ไวไวเป็นอาหารว่างโดยเฉพาะเลยนะเนี่ย

*ประเด็นดังกล่าวสอดคล้องกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับDTACแรงซื้อไหลบ่าเข้ามาในวันที่ตลาดหุ้นแดงเถือก “โมนิก้า” ย่อมมองเป็นเรื่องที่ผิดปกติ ขนาดผู้รู้หลายสำนักฟันธงเหมือนกันว่าราคาหุ้นตอนนี้ต่ำสุดๆ แต่หุ้นก็ถีบตัวขึ้นได้แค่มาปิดที่ 47.50บาท บวกไป 2.75บาท หรือขึ้นไป 6.15% มันอาจดูร้อนแรงในช่วงที่คนอื่นฟอร์มตก แต่เมื่อเทียบกับก่อนหน้านี้ยืนอยู่แถวๆ 80-90 บาท มันเทียบกันไม่ได้เลยนะคะ

*ส่วนรายที่ตกกระไดพลอยโจนอย่าง BMCLถือเป็นกรณีที่น่าสงสารสุดๆ เพราะอุตสาห์ตั้งลำอย่างแข็งแกร่ง และเตรียมพร้อมจะเหินทะยานขึ้นไปสร้างแนวรับใหม่ที่สูงกว่า แถมก่อนหน้านี้ก็เคยกระชากขึ้นแรงเตรียมรับข่าวสว็อปหุ้นมาแล้วครั้งหนึ่ง สุดท้ายกลายเป็นรับประทานแห้วแทนอาหารหลัก เดี๊ยนถึงรู้สึกเห็นใจที่หุ้นทิ้งตัวลงมาปิดที่ 1.99บาท ลบไป 0.03 บาท เพราะในความเป็นจริงหุ้นควรมีราคาสูงกว่านี้นะซี

*ในเมื่อโลกของการลงทุนไม่มีอะไรแน่นอนตายตัว “โมนิก้า” ถึงต้องย้อนหันมาดู COM7อีกครั้งหนึ่ง แถมก่อนหน้านี้ 2 สัปดาห์หุ้นเพิ่งขึ้นไปแตะ 5 บาท จึงไม่มีทางที่หุ้นจะทิ้งดิ่งเหมือนโลกนี้ไม่มีอะไร และพอหันไปดูจริงๆ กลับพบว่าหุ้นลงมายืนอยู่ที่ 4.32บาท ลบไป 0.18บาท หรือลงไป 4% ขณะที่ทิศทางของหุ้นโค้งตัวลงอย่างเห็นได้ชัดแบบนี้..โกยไปตั้งหลักก่อนดีไหมตัวเอง!

*ผิดกับในรายของ DNAเพราะรายนี้หมดโอกาสเชิดหน้าชูคออะไรอีกแล้ว เพราะเป็นหุ้นที่ทำให้แมงเม่าตายกันเป็นเบือ แถมคนในวงการู้กันเป็นอย่างดีว่า สมบัติผลัดกันชม ใครสมหวังก็รีบชิ่งก่อน ไม่ต้องถามเหตุผลที่จะทำให้บริษัทเติบโตอย่างแข็งแกร่ง ล่าสุดหุ้นทิ้งตัวลงมาปิดที่ 1.74บาท ลบไป 0.26บาท หรือลงไป 13% ด้วยมูลค่า 75 ล้านบาท ซึ่งเป็นมูลค่าที่หนาแน่นสุดๆ ในรอบ 8-9 เดือนแบบนี้..แสดงว่า มีคนสละเรืออย่างเป็นทางการแล้วล่ะค่ะ

Back to top button