กินยาผิดซอง?! แฉทุกวัน ทันเกมหุ้น

อ่านข่าวประกาศ ก.ล.ต. หรือ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ทีไร มักจะมีปัญหา เพราะต้องแปลไทยเป็นไทยอยู่เรื่อยๆ


อ่านข่าวประกาศ ก.ล.ต. หรือ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ทีไร มักจะมีปัญหา เพราะต้องแปลไทยเป็นไทยอยู่เรื่อยๆ

เมื่อวานซืน ก็เช่นกัน อ่านทีแรกนึกว่า ก.ล.ต. กินยาผิดซองขึ้นมา สั่งลงโทษผิดคน

จะไม่ให้คิดยังงี้ได้ไง ก็ชื่อคนที่ถูก ก.ล.ต. กล่าวโทษ และสั่งปรับนั้นล้วนขึ้นชื่อนักเรื่องเป็นคนที่มีธรรมาภิบาลสูงทั้งสิ้น

เอ่ยชื่อมาแต่ละคน ยากจะเชื่อได้ว่ากระทำการเลวร้ายดังข้อหา

พญาสิงห์….ย่อมมิอาจกินหนอนฉันใดก็ฉันนั้น

ต้องลงมืออ่านอีกหลายๆ รอบ จึงค่อยซึมซับว่า …ก.ล.ต.กินยาถูกทุกซอง…แต่คนที่ถูกเอ่ยชื่อ ดันทะลึ่ง กินยาหมดอายุซะงั้น… เลยเห็นกงจักรเป็นดอกบัวกัน

เอาชื่อมาทิ้งกันตอนท้ายของชีวิตนี่แหละ… ต่อไป คงต้องเอาปี๊บคลุมหัวไปพบปะผู้คน

เรื่องราวฉาวโฉ่ ที่ฝ่ายตรวจสอบตลาดทุน สังกัด ก.ล.ต. ไปเจอะเจอเข้า เกิดจากดีลใหญ่ที่  ซีพี ออลล์ หรือ CPALL ผู้บริหารแฟรนไชส์เซเว่น อีเลฟเว่น ทุ่มเงิน 188,000 แสนล้านบาท ซื้อหุ้นในราคาหุ้นละ 787 บาทของบริษัท สยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน) หรือMAKRO ผู้นำในธุรกิจศูนย์จำหน่ายสินค้าระบบสมาชิกแบบชำระเงินสดและบริการตนเอง จากเจ้าของเดิมบริษัท เอสเอชวี เนเธอร์แลนด์ บี.วี. (SHV) ที่เคยถืออยู่ทั้งทางตรงและทางอ้อมจำนวน 154,429,500 หุ้น หรือ 64.35% ในต้นปี 2556 นั่นแหละ

ดีลมหึมานั้น จบไปแล้วพร้อมตำนานที่ทำให้ CPALL แปลงจากบริษัทปลอดหนี้ เป็นบริษัทหนี้ท่วม เพื่อโตทางลัดครองส่วนแบ่งใน AEC (ว่างั้น)

เส้นทางที่วาดไว้สวยหรูนั้นแม้จะยังไม่บรรลุ แต่ก็ไม่มีใครบังอาจตั้งคำถาม เพราะกลยุทธ์ของอภิมหานักการตลาดที่เล่นหมากโกะระดับเซียนอย่าง ก่อศักดิ์ ไชยรัศมีศักดิ์ นั้น ลึกล้ำเหลือกำหนดชนิดสามก๊ก ยอมสยบให้

เพราะลึกล้ำอย่างนี้แหละ ดีลลับ อินไซเดอร์เทรดดิ้ง จึงเกิดขึ้น ด้วยความโลภที่ควบคุมไม่ได้

ฝ่ายตรวจสอบตลาดทุนของ ก.ล.ต. พบหลักฐานมั่นว่า บุคคล 4 คนที่นั่งเป็นบอร์ดและผู้บริหารระดับสูงของ CPALL ประกอบด้วย

นายก่อศักดิ์ ไชยรัศมีศักดิ์  ประธานกรรมการบริหาร และรองประธานบริษัท

นายปิยะวัฒน์ ฐิตะสัทธาวรกุล  อดีตรองประธานกรรมการบริหาร

นายพิทยา เจียรวิสิฐกุล อดีตรองประธานกรรมการบริหาร

นายอธึก อัศวานันท์ ผู้บริหารในเครือเจริญโภคภัณฑ์ (ซีพี)

คนทั้ง 4 ซึ่งมีส่วนร่วมรับรู้และมีบทบาทเจรจารายละเอียดดีลดังกล่าวที่ยังไม่จบ แอบซื้อหุ้น MAKRO ในราคาที่ต่ำกว่า787.00 บาท ทั้งในบัญชีของตนเองและของนอมินี

ข้อมูลระบุว่า นายก่อศักดิ์ซื้อหุ้น MAKRO ก่อนดีลจบไปในบัญชีตนเอง 118,300 หุ้น

นายปิยะวัฒน์ซื้อหุ้น MAKRO ในบัญชีตนเอง 5,000 หุ้น

อีก2 คน เพิ่มความซับซ้อนขึ้น นายพิทยาซื้อหุ้น MAKRO ผ่านบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ของนายสมศักดิ์ เจียรวิสิฐกุล ซึ่งเป็นน้องชาย จำนวน 7,500 หุ้น

ส่วนนายอธึก ผู้อยู่เบื้องหน้าเบื้องหลังดีลกฎหมายสำคัญของทรู คอร์ปอเรชั่น หรือTRUE จนเลื่องลือยาวนาน ซื้อหุ้นMAKRO ผ่านบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ของนางสาวอารียา อัศวานันท์ ซึ่งเป็นบุตรสาว จำนวน 6,000 หุ้น

ก.ล.ต. ไม่เปิดเผยข้อมูลว่า แต่ละคนซื้อมาที่ต้นทุนเท่าใด ก็คงพออนุมานได้ว่า ราคาที่ซื้อต่ำกว่า 787 บาทแน่นอน จะมีกำไรเหนาะๆ เท่าใด ก็พอคาดเดาว่าไม่ธรรมดา

หลักฐานโต้งๆ ที่ได้มา ไม่มั่วนิ่ม เข้าข่ายใช้ข้อมูลวงในซื้อขายหุ้นหรือ อินไซเดอร์ เทรดดิ้ง อย่างนี้ คนทั้ง 4 จึงรับสารภาพเสียด้วย ทำให้เรื่องมันง่ายเข้า

ส่วนจะสารภาพเพราะจำนนต่อหลักฐาน และต้องการรับโทษแบบครึ่งราคาหรือว่าเพราะธรรมาภิบาลสูง มีต่อมความละอายมากกว่าสามัญมนุษย์ก็คาดเดากันเอาเอง สุดแต่จะคิด

เมื่อผู้ถูกกล่าวหารับสารภาพ ยอมจ่ายค่าปรับ เพื่อจะไม่ต้องต่อความยาวสาวความยืด ในคดีอาญาและแพ่ง ก.ล.ต. ก็เลยใช้สูตรเดิมคือ ปรับพอเป็นพิธี แล้วก็ล้างความผิดกันไป…เพราะอย่างที่รู้กันดี อำนาจ ก.ล.ต.มีแค่นี้ เกินกว่านั้น พอไปถึงมือของดีเอสไอ และอัยการ พบว่า99.99% หลุดข้อหาหมด หลักฐานอ่อนไม่พอฟ้อง

โทษปรับพอเป็นพิธีจึงออกมาอย่างที่เห็น โดยนายก่อศักดิ์เสียค่าปรับเป็นเงิน 30,228,000 บาท นายปิยะวัฒน์ เป็นเงิน 725,000 บาท  นายพิทยา เป็นเงิน 979,500 บาท  นายอธึก เป็นเงิน 1,407,000 บาท

ส่วนผู้ให้การสนับสนุนกระทำความผิดในฐานะนอมินี อย่างนายสมศักดิ์ และนางสาวอารียา เสียค่าปรับรายละ 333,333.33บาท 

เอวัง…ง่ายจุงเบย

เรื่องเงินค่าปรับคงไม่ใช่ประเด็น แต่กรณีสิงโตกินหนอนนี่สิ…. จะอธิบายว่า นี่คือต้นแบบวัฒนธรรมองค์กรที่พนักงาน CPALL และเจ้าสัวค่ายเจริญโภคภัณฑ์ พึงยึดเอาเป็นเยี่ยงอย่างและยึดถือเป็นโรล โมเดลด้าน CSR กระนั้นหรือ…

ที่สำคัญรางวัลเกียรติยศหลายๆ ครั้งของนายก่อศักดิ์ ที่รวมเอา พุทธคุณูปการ” จาก คณะกรรมาธิการการศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรม สภาผู้แทนราษฎร และ “Best CEO Awards” ของบริษัท จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ จากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และ “CEO ยอดเยี่ยม” ประเภทธุรกิจบริการ จากสมาคมนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ (SAA) นั้น มีคำถามว่าต้องส่งคืนมั้ย

รึว่าให้แล้วให้เลย คนดีย่อมเหนือเรื่องฉาว

งานนี้ พีอาร์ใหญ่อย่าง พี่แดง บัญญัติ คำนูญวัฒน์ และพี่ธานี จะบอกไม่เกี่ยว….ก็ได้จ๊ะ

X
Back to top button