นักท่องเที่ยวล้นหนุน AOT

วันหยุดยาวช่วงเทศกาลสงกรานต์ AOT คาดการณ์ว่าจะมีผู้โดยสารเดินทางกว่า 2.37 ล้านคน เพิ่มขึ้น 137.48% เมื่อเทียบกับปีก่อน


เส้นทางนักลงทุน

วันหยุดยาวในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ระหว่างวันที่ 13-16 เมษายน 2566 ใกล้จะมาถึงแล้ว บมจ.ท่าอากาศยานไทย หรือ AOT คาดการณ์ว่าสงกรานต์ปีนี้จะมีผู้โดยสารเดินทางกว่า 2.37 ล้านคน เพิ่มขึ้น 137.48% เมื่อเทียบกับปีก่อน แบ่งเป็น ผู้โดยสารระหว่างประเทศ 1.37 ล้านคน เพิ่มสูงขึ้นมากถึง 561.76% และผู้โดยสารภายในประเทศประมาณ 1 ล้านคน เพิ่มขึ้น 26.08%

ปริมาณผู้โดยสารและจำนวนเที่ยวบินที่เข้ามาใช้บริการผ่านท่าอากาศยานของ AOT มีสัญญาณที่ดีต่อเนื่อง ทั้งนี้หากพิจารณาข้อมูลย้อนหลังไปในช่วงไตรมาส 1 ของปีงบประมาณ 2566 ที่ผ่านมานั้น จะเห็นว่าการจราจรทางอากาศของท่าอากาศยาน AOT ทั้ง 6 แห่ง ได้แก่ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ, ท่าอากาศยานดอนเมือง, ท่าอากาศยานเชียงใหม่, ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย, ท่าอากาศยานภูเก็ต และท่าอากาศยานหาดใหญ่ มีจำนวนเที่ยวบินรวม 150,378 เที่ยวบิน เพิ่มขึ้น 105.04% เมื่อเปรียบเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน แบ่งเป็น เที่ยวบินระหว่างประเทศ 66,829 เที่ยวบิน และเที่ยวบินภายในประเทศ 83,549 เที่ยวบิน

ส่วนจำนวนผู้โดยสารรวมมีทั้งหมด 23.01 ล้านคน เพิ่มขึ้น 232.93% เมื่อเปรียบเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน ที่มีผู้โดยสารระหว่างประเทศ 10.98 ล้านคน และผู้โดยสารภายในประเทศ 12.03 ล้านคน ในไตรมาสนี้ AOT พลิกมีกำไรสุทธิ 342.77 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 108.2% จากขาดทุน 4,271.66 ล้านบาท ในงวดเดียวกันปีก่อน

ในไตรมาสนี้ AOT มีรายได้จากการขายหรือให้บริการเพิ่มขึ้น ทั้งรายได้เกี่ยวกับกิจการการบิน และรายได้ที่ไม่เกี่ยวกับกิจการการบิน รับอานิสงส์การเพิ่มขึ้นของจำนวนเที่ยวบินและจำนวนผู้โดยสาร แม้รายได้อื่นลดลง ค่าใช้จ่ายรวมเพิ่มขึ้น แต่มีผลขาดทุนจากตราสารอนุพันธ์ลดลง รวมทั้งต้นทุนทางการเงินลดลง

ขณะที่ งวดไตรมาส 2 ปี 2566 (มกราคม-มีนาคม 2566) จากแนวโน้มปริมาณผู้โดยสารรวมที่มากขึ้น ประเมินกันว่าน่าจะอยู่ที่ราว 26.4 ล้านคน เพิ่มขึ้น 15% จากไตรมาสก่อน และ 195.5% จากงวดเดียวกันปีก่อน

เฉพาะในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา มีปริมาณผู้โดยสารรวม 6 สนามบิน ทั้งขาเข้าและขาออก เบื้องต้นอยู่ที่ 9.2 ล้านคน เพิ่มขึ้น 11% จากเดือนก่อนหน้า และเพิ่มขึ้น 177% จากช่วงเดียวกันปีก่อน ทั้งจากผู้โดยสารระหว่างประเทศและในประเทศ แบ่งเป็น ผู้โดยสารระหว่างประเทศราว 5 ล้านคน และผู้โดยสารในประเทศที่ 4.2 ล้านคน

หลัก ๆ ขับเคลื่อนด้วยผู้โดยสารระหว่างประเทศประมาณ 14 ล้านคน และอานิสงส์จากการเปิดประเทศของจีนตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา รวมทั้งยังเป็นช่วงไฮซีซัน (High Season) ของท่องเที่ยวไทย ทำให้มีผู้โดยสารในประเทศประมาณ 12.4 ล้านคน เพิ่มขึ้น 3.6% จากไตรมาสก่อน และ 68% จากปีก่อน

ซึ่งปริมาณเที่ยวบินก็เป็นไปในทิศทางเดียวกับผู้โดยสารราว 1.64 แสนเที่ยวบิน เพิ่มขึ้น 9% จากไตรมาสก่อน และ 80% จากปีก่อน จึงจะช่วยผลักดันกําไรปกติไตรมาส 2 ปี 2566 ของ AOT ให้เติบโตโดดเด่น ทั้งแบบไตรมาสต่อไตรมาส และแบบปีต่อปี

หากดูที่จำนวนผู้โดยสารรวมในช่วงครึ่งแรกของปี 2566 (ตุลาคม 2565-มีนาคม 2566) พบว่าเติบโตอย่างมากถึง 212% จากงวดเดียวกันปีก่อน ที่ 49.5 ล้านคนแล้ว

หากมองในมุมมองของโบรกเกอร์ พบว่าส่วนใหญ่เห็นว่าแนวโน้มกำไรของ AOT จะเร่งตัวขึ้น โดยบริษัทหลักทรัพย์ (บล.) อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด ระบุว่า งวดไตรมาส 2 ปี 2566 กำไรปกติของ AOT จะเติบโตทั้งจากงวดเดียวกันปีก่อนและไตรมาสก่อน ได้แรงสนับสนุนจากการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวไทยที่มีนักท่องเที่ยวจากจีนหลั่งไหลเข้ามาจำนวนมาก

และกำไรปกติจะเติบโตอย่างแข็งแกร่งในไตรมาส 3 (เมษายน-มิถุนายน 2566) หนุนจากการกลับมาเก็บค่าผลประโยชน์ตอบแทนขั้นต่ำ เพราะมาตรการช่วยเหลือสายการบินและผู้ประกอบการเชิงพาณิชย์ในช่วงที่เกิดสถานการณ์โควิด-19 จะสิ้นสุดในวันที่ 31 มีนาคม 2566 และ AOT จะกลับมาเก็บค่าผลประโยชน์ตอบแทนขั้นต่ำตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2566 เป็นต้นไป

โดยเฉพาะค่าผลประโยชน์ตอบแทนขั้นต่ำต่อผู้โดยสาร สำหรับ 3 สัมปทานใหม่ที่มอบให้กับบริษัท คิง เพาเวอร์ (King Power) ในปี 2562 ทั้งนี้คาดสัมปทานประกอบกิจการจำหน่ายสินค้าปลอดอากร (duty-free) ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ค่าผลประโยชน์ตอบแทนขั้นต่ำต่อผู้โดยสาร จะอยู่ที่ประมาณ 230 บาท เพิ่มขึ้นเท่าตัวจากรายได้จริงต่อผู้โดยสารที่ประมาณ 100 บาท ในปี 2562

ดังนั้น จึงคาดว่ารายได้ส่วนแบ่งผลประโยชน์จะเติบโตอย่างแข็งแกร่งในไตรมาส 3 ปี 2566 คาดการณ์รายได้ส่วนแบ่งผลประโยชน์ของ AOT ที่ 1.7 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้นก้าวกระโดดจาก 4 พันล้านบาท ในปี 2565 และใกล้เคียงกับระดับในปี 2562

ส่วนทั้งปี 2566 นี้ ประมาณการผลประกอบการของ AOT จะฟื้นตัวกลับมามีกำไรปกติที่ 1.5 หมื่นล้านบาท และหลังจากนั้นจะเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดสู่ 2.7 หมื่นล้านบาท ในปี 2567

อย่างไรก็ตาม ในมุมมองบล.เอเซีย พลัส เห็นว่าในช่วงไตรมาส 3 จะเป็นช่วงโลว์ซีซัน (Low Season) ของการท่องเที่ยวไทย แต่การเปิดประเทศของจีนจะช่วยประคองให้แนวโน้มผู้โดยสารของ AOT ทรงตัว หรือชะลอตัวลงบ้างแต่จะเพียงเล็กน้อย

แต่โดยภาพใหญ่ยังมองสอดคล้องกันที่ว่าแนวโน้มกําไรปกติไตรมาส 3 (เมษายน-มิถุนายน 2566) ของ AOT ยังมีปัจจัยบวกเหนืออุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย จากส่วนลดที่ให้กับสายการบิน ซึ่งเป็นรายได้ค่าธรรมเนียมสนามบิน คิดเป็นสัดส่วนราว 12% (งวดปี 2562) และคู่สัญญาพื้นที่เช่าเชิงพาณิชย์ ซึ่งเป็นรายได้ส่วนแบ่งผลประโยชน์ คิดเป็นสัดส่วนราว 28% (งวดปี 2562) ทยอยหมดลงตั้งแต่เมษายน 2566

นอกจากนี้ ยังมองว่าในระยะถัดไป หากจํานวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าไทยต่อเนื่อง กําไรปกติจะไต่ระดับเป็นขั้นบันไดตั้งแต่ไตรมาส 4 ปี 2566 (กรกฎาคม-กันยายน 2566) ถึงไตรมาส 2 ปี 2567 (มกราคม-มีนาคม 2567)

บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เอเซีย พลัส แนะนำ “ซื้อ” รับประโยชน์จากการฟื้นตัวของภาคท่องเที่ยวในฐานะโครงสร้างพื้นฐานหลักของภาคท่องเที่ยวไทย รวมทั้งแนวโน้มกําไรมีโมเมนตัมเชิงรายไตรมาส และหุ้น AOT ยัง Laggard ให้มูลค่าตามราคายุติธรรม (FV) ปี 2566 ที่ 80 บาท

หากประเทศไทยยังคงเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางอันดับต้น ๆ ของนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก ก็คงจะไม่มีหุ้นตัวไหนได้รับผลบวกเท่า AOT อีกแล้ว

Back to top button