HMPRO กำไรอัพโปรฯ

HMPRO ประกอบธุรกิจค้าปลีก จำหน่ายสินค้าและบริการเกี่ยวกับอาคาร บ้าน และที่อยู่อาศัยแบบครบวงจร ภายใต้ชื่อ HomePro


คุณค่าบริษัท

บริษัท โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ HMPRO ประกอบธุรกิจค้าปลีก จำหน่ายสินค้าและให้บริการที่เกี่ยวข้องกับการก่อสร้าง ตกแต่ง ต่อเติม ซ่อมแซม ปรับปรุงอาคาร บ้าน และที่อยู่อาศัยแบบครบวงจร ภายใต้ชื่อ HomePro รายงานผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 1/2566 มีกำไรสุทธิ 1,611.12 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.63% เมื่อเทียบกับไตรมาส 1/2565 ที่มีกำไรสุทธิ 1,510.95 ล้านบาท และมีรายได้รวม 18,251.87 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.47% เมื่อเทียบกับไตรมาส 1/2565 ที่มีรายได้รวม 16,672.52 ล้านบาท

โดยรายได้จากสัญญาที่ทำกับลูกค้า ซึ่งประกอบด้วยรายได้จากการขายสินค้าและรายได้จากการให้บริการลูกค้าอยู่ที่ 17,223.47 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.28% เป็นผลมาจากการฟื้นตัวของการบริโภค จากการกลับมาดำเนินการได้เป็นปกติของกิจกรรมทางเศรษฐกิจ และการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวหลังจากการผ่อนปรนมาตรการต่าง ๆ นอกจากนี้ยังมีการจัดงาน HomePro Expo 2023 ที่อิมแพ็ค เมืองทองธานี รวมถึงกิจกรรม Double Day และกิจกรรมส่งเสริมการขายอื่น ๆ ผ่านช่องทางออนไลน์ เพื่อช่วยผลักดันยอดขายด้วย

ส่วนรายได้ค่าเช่า 486.99 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16.08% จากการจัดเก็บรายได้ค่าเช่าพื้นที่ในสาขาของโฮมโปรและศูนย์การค้ามาร์เก็ตวิลเลจได้มากขึ้น และรายได้อื่น 551.41 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.13%

ขณะที่ มีต้นทุนขายและบริการ 12,731.01 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.15% แต่เนื่องจากขาของรายได้ปรับเพิ่มขึ้นมากกว่าขาของต้นทุน ส่งผลให้ในไตรมาสนี้ HMPRO มีกำไรขั้นต้นอยู่ที่ 4,492.46 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.66%

โดยในไตรมาส 1/2566 มีการเปิดสาขาเมกาโฮมใหม่ จำนวน 3 สาขา ได้แก่ รัตนาธิเบศร์ บางพลี และ ติวานนท์ ส่งผลให้ปัจจุบันบริษัทมีโฮมโปร 87 สาขา โฮมโปรเอส 5 สาขา เมกาโฮม 21 สาขา และโฮมโปรที่ประเทศมาเลเซีย 7 สาขา

ด้านบล.ดาโอ ระบุว่า ยังคงประมาณการกำไรสุทธิปี 2566 ที่ 6.8 พันล้านบาท เติบโต 9% จากปีก่อน โดยมีการขยายสาขาของเมกาโฮมจำนวนถึง 10 สาขา เป็น catalyst ทั้งนี้กำไรในไตรมาส 1/2566 คิดเป็น 24% จากประมาณการปี 2566 ของบล.ดาโอ และคาดอัตรากำไรขั้นต้น (GPM) ขยายตัวได้ราว 0.1-0.2% อยู่ระดับที่ 25.2% โดยมองว่าในปี 2566 ยังมี upside ของ GPM ต่อประมาณการที่ 25.2% จาก private label ที่ยังขยายตัวได้ แม้คาดจะมีสัดส่วนยอดขายของเมกาโฮม (lower margin) สูงขึ้น

ขณะที่บล.ทรีนีตี้ คาดกำไรปี 2566 ของ HMPRO อยู่ที่ 6,742 ล้านบาท โต 8% จากการเติบโตของยอดขายจากสาขาเดิม (SSSG) 5% และการเปิดสาขาใหม่ 10 สาขา (แบ่งเป็น Megahome 8 สาขา และ HomePro 2 สาขา) โดยในปี 2566 เห็นเป้าหมายที่ชัดเจนของบริษัทว่าต้องการเน้นการขยายไปยังตลาดวัสดุก่อสร้าง ซึ่งอาจเป็น downside risk ที่กดดันกำไรขั้นต้นของบริษัท ทั้งนี้กำไรในไตรมาส 1/2566 คิดเป็น 23.9% ของประมาณการกำไรปี 2566

สำหรับการประเมินมูลค่า (Valuation) ปัจจุบันราคาหุ้น HMPRO ซื้อขายกันที่ P/E ระดับ 30.60 เท่า เทียบกับ P/E ตลาดโดยรวมที่ระดับ 18.86 เท่า ถือว่าราคาซื้อขายสูงกว่าตลาด สอดคล้องกับ P/BV ที่ระดับ 7.48 เท่า ก็สูงกว่าค่าเฉลี่ยที่ส่วนใหญ่ P/BV จะอยู่ที่ระดับ 1.54 เท่า โดยมีราคาเป้าหมายเฉลี่ยที่ 17.06 บาท จากราคาต่ำสุด 14.70 บาท และราคาสูงสุด 18.50 บาท

Back to top button