พาราสาวะถี

การเลือกเอาวันเวลาที่คณะเผด็จการ คสช.ทุบโต๊ะยึดอำนาจรัฐบาล ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เมื่อ 9 ปีที่แล้ว เป็นวันแถลงลงนาม MOU ของ 8 พรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาล


การเลือกเอาวันเวลาที่คณะเผด็จการ คสช.ทุบโต๊ะยึดอำนาจรัฐบาล ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เมื่อ 9 ปีที่แล้ว เป็นวันแถลงลงนามข้อตกลงร่วมหรือเอ็มโอยูของ 8 พรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาลที่นำโดยพรรคก้าวไกล มี พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ว่าที่นายกรัฐมนตรีคนที่ 30 เป็นผู้นำการประกาศ ย่อมมีนัยทางการเมืองอย่างเด่นชัด เป็นการส่งสัญญาณประกาศชัยชนะเหนือเผด็จการสืบทอดอำนาจ แต่จะถึงขั้นรูดม่านปิดฉากแก๊ง 3 ป.ไปเลยหรือไม่ ต้องดูท่าทีทางการเมืองของพรรครวมไทยสร้างชาติและพรรคสืบทอดอำนาจ

แต่น่าจะเป็นที่ท่วงทำนองของผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจและพรรคต้นสังกัดมากกว่า เนื่องจากจังหวะก้าวของพรรคสืบทอดอำนาจนั้น ชัดเจนเป็นอย่างยิ่งว่าพี่ใหญ่แก๊ง 3 ป.ยังคงเดินบนถนนสายการเมืองต่อไป เพียงแค่รอจังหวะ ไม่เว้นแม้กระทั่งรอส้มหล่นจากการที่พรรคเพื่อไทยไม่สามารถก้าวเดินไปกับก้าวไกลได้ในกระบวนการจัดตั้งรัฐบาล ก็พร้อมที่จะเสียบโดยมีเงื่อนไขสามารถประสานแรงสนับสนุนจาก ส.ว.ลากตั้งได้ โดยไม่ต้องไปลุ้นว่าจะได้เสียงเกินกึ่งหนึ่งของที่ประชุมรัฐสภาหรือไม่

อย่างไรก็ตาม การเคลื่อนเกมของขบวนการสืบทอดอำนาจเวลานี้พยายามที่จะตีปมการเดินหน้าแก้ไขมาตรา 112 ของพรรคก้าวไกล เพราะถือเป็นจุดอ่อนไหวที่สามารถเรียกมวลชนให้ลุกขึ้นมาต่อต้าน เคลื่อนไหวในเชิงสัญลักษณ์ได้ แต่หากมีการปลุกม็อบขึ้นมาจริง ก็จะเข้าอีหรอบขี้แพ้ชวนตี มิหนำซ้ำ ล่าสุดผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจยังแสดงอารมณ์ฉุนเฉียวเมื่อถูกนักข่าวจี้ถามจะสั่งให้ ส.ว.ที่ตัวเองตั้งมากับมือฟรีโหวตในการลงมติเลือกนายกรัฐมนตรีหรือไม่

เป็นธรรมดาของฝ่ายที่อยากอยู่ยาว ตั้งเป้าวางความหวังไว้อย่างสวยหรูแต่แพ้หมดรูป มันย่อมต้องการที่จะพลิกเกมเอาคืน ไม่ได้ด้วยเล่ห์ก็เอาด้วยกล ยิ่งเป็นเวทมนตร์ที่องคาพยพในการสืบทอดอำนาจของตัวเองเสกขึ้นมา ย่อมหวังว่าจะได้ผล แต่ดูเหมือนว่าฝ่ายจัดตั้งรัฐบาลก็อ่านเกมตีรวนแบบนี้ไว้อยู่เหมือนกัน ดังนั้น จึงไม่ปรากฏเรื่องอ่อนไหวเขียนไว้ในเอ็มโอยูทั้ง 23 ข้อที่ได้ลงนามร่วมกันไปของผู้นำพรรคทั้ง 313 เสียง ด้วยการโยนให้เป็นเรื่องของพรรคที่จะเสนอไปว่ากันในสภาไม่เกี่ยวกับรัฐบาล

ไม่เพียงแต่จะปลดล็อกตรงนี้เพื่อไม่ให้ 7 พรรคร่วมลำบากใจ แม้แต่ในประเด็นที่จะยกเลิกการผูกขาดและส่งเสริมการแข่งขันทางการค้าที่เป็นธรรมในทุกอุตสาหกรรม เช่น เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ยังมีการระบุไว้ในเอ็มโอยูว่าพรรคประชาชาติขอสงวนสิทธิในส่วนของแอลกอฮอล์ ด้วยหลักการทางศาสนา ถือเป็นการถอยทางการเมืองของพรรคก้าวไกลตามแนวทางที่ได้ประกาศไว้ก่อนเลือกตั้งไม่กี่วัน พร้อมที่จะสงวนจุดต่างบางเรื่องเพื่อให้ฝ่ายประชาธิปไตยสามารถเดินหน้าปิดสวิตช์ ส.ว.และพี่น้อง 2 ป.ได้

ที่น่าสนใจจากการลงนามดังกล่าวก็คือ ไม่มีปมว่าด้วยการออกกฎหมายนิรโทษกรรมทางการเมืองเช่นเดียวกัน ทั้งที่ก่อนหน้านั้นก้าวไกลก็ย้ำหนักแน่นว่าจะต้องเดินหน้าในเรื่องนี้ คงไม่อยากเจอทางตันตั้งแต่เริ่มตั้งไข่รัฐบาล จะว่าไปแล้วบนความร่วมมือเช่นนี้พรรคที่อยู่ในฐานะกลืนเลือดคงหนีไม่พ้นเพื่อไทย ไม่ใช่เป้าหมายแลนด์สไลด์ถูกทำลายกระเจิงจึงกลายเป็นความเคียดแค้น หากแต่เป็นเรื่องเสียงสะท้อนของผู้สมัครในหลายพื้นที่ที่ตั้งใจทำงานและกระแสดีมาต่อเนื่อง แต่ถูกปฏิบัติการโจมตีจากพวกเดียวกันในช่วงโค้งสุดท้าย จนคะแนนหล่นอย่างน่าใจหาย

ลำพังไอโอจากฝ่ายตรงข้ามยังพอทำใจยอมรับได้ แต่กลายเป็นว่าพรรคที่กำลังจะจับมือตั้งรัฐบาลกันเองนี่แหละ ตัวดีที่ไปกระพือข่าวหรือย้ำประเด็นที่ฝ่ายตรงข้ามโจมตีไม่ว่าจะเป็น สู้ไปกราบไป เตรียมจับมือกับ 2 ลุง ปิดดีลตั้งรัฐบาลกับลุงเรียบร้อยแล้ว แม้กระทั่งนโยบายประชานิยมของพรรคนายใหญ่ไม่ว่าจะเป็นเงินดิจิทัล หรืออื่น ๆ ที่โดนใจประชาชน ก็ล้วนแต่ถูกนำไปกล่าวหาหรือปราศรัยตำหนิ จับผิด เกทับกันบนเวทีอย่างต่อเนื่อง

เป็นความเจ็บปวดของผู้สมัครที่ทำงานพื้นที่อย่างแข็งขัน สุดท้ายต้องปราชัยให้กับเกมของพวกเดียวกันที่ไม่คิดว่าจะใช้วิธีการแบบเดียวกับพวกเผด็จการสืบทอดอำนาจ โดยอาศัยชั้นเชิงและความช่ำชองทางโซเชียลสร้างความได้เปรียบ ดังนั้น จึงไม่แปลกที่เมื่อเกิดประเด็นเพื่อไทยจะตั้งรัฐบาลแข่งกับก้าวไกล จึงถูกจับจ้องและมองว่าน่าจะมีมูล อันเป็นปมมาจากการเตะตัดขากันในช่วงโค้งสุดท้ายนี่เอง จนแกนนำของก้าวไกลต้องออกมาวาดลวดลายโชว์วาทกรรม “นี่คือวิถีเกมการเมืองเท่านั้น”

อาศัยเสียงที่ชนะมาอย่างท่วมท้นตีเนียนว่าเกมจบ คนก็ควรจบ ขอให้เข้าใจ พร้อมเรียกร้องแกมบีบให้ต้องเดินตามว่าให้มาจับมือเพื่อประชาชน เพื่อคนที่รักประชาธิปไตยกันดีกว่า ฟากพรรคนายใหญ่ไม่มีทางเลือก จำเป็นต้องเดินกันแบบนี้ จึงเปลี่ยนน้ำหนักไปที่การจัดสรรโควตารัฐมนตรีแทน โดยพรรคเพื่อไทยจะขอคุมกระทรวงเกรดเอด้านเศรษฐกิจที่จะโชว์ผลงานประชานิยมที่ได้หาเสียงไปแล้วให้เกิดผลเป็นที่ประจักษ์

ส่วนก้าวไกลก็ให้ไปดูแลงานด้านความมั่นคง ภาคสังคมและการมีส่วนร่วมของภาคประชาชนเป็นด้านหลัก ด้วยคะแนนเสียงที่ต่างกันแค่สิบที่นั่ง มันจึงทำให้การต่อรอง เจรจาเป็นไปในลักษณะถ้อยทีถ้อยอาศัย ฝ่ายก้าวไกลแม้จะได้เปรียบในฐานะผู้ชนะ และเชื่อว่ามวลชนเข้มแข็งและเหนียวแน่นกว่า แต่ถ้าวางเงื่อนไขเยอะ ตั้งการ์ดสูงการที่จะถูกผลักให้ไปเป็นฝ่ายค้านก็ใช่ว่าจะไม่มีความเป็นไปได้ ดังนั้น เมื่อโอกาสการเป็นฝ่ายบริหารมีอำนาจเพื่อจะทำในสิ่งที่ตัวเองประสงค์อยู่แค่เอื้อม จึงไม่สามารถเล่นบทไม้แข็งอย่างที่ตัวเองถนัดได้

อีกเก้าอี้ที่คอการเมืองให้ความสนใจเป็นพิเศษคือ ประธานสภาผู้แทนราษฎร ก้าวไกลเชื่อว่าแม้คนของตัวเองจะเป็นมือใหม่เกือบทั้งนั้น แต่ชั้นเชิงและลีลาของหลายคนต่อการทำหน้าที่ในสภาฯ สมัยที่ผ่านมา ก็มั่นใจว่าจะสามารถควบคุมการประชุม และนำไปสู่เป้าหมายคือการดูแลการประชุมรัฐสภาในวันโหวตเลือกนายกฯ ได้แน่นอน ถ้าตรงนี้ผ่านไปได้ โดยเพื่อไทยไม่มีปัญหา ก็เป็นสัญญาณว่าทุกอย่างจะราบรื่น เรียบร้อย แต่ก่อนจะไปถึงจุดนั้น ต้องมาลุ้นกันก่อนว่า กกต.จะรับรองผลการเลือกตั้งได้เมื่อไหร่ และจะมีการแจกใบเหลือง ใบแดงมากน้อยขนาดไหน เงียบ ๆ แบบนี้มันไม่น่าจะเป็นเรื่องปกติแน่นอน

Back to top button