MPIC หุ้นแร็ปเปอร์..!?

เซอร์ไพรส์ไม่น้อยทีเดียว...เมื่อปรากฏชื่อนักร้องหนุ่มแร็ปเปอร์ชื่อดัง “ขันเงิน เนื้อนวล” เป็นคนที่จะมาเซ้งหุ้น MPIC ต่อจาก MAJOR


เซอร์ไพรส์ไม่น้อยทีเดียว…เมื่อปรากฏชื่อนักร้องหนุ่มแร็ปเปอร์ชื่อดัง “ขันเงิน เนื้อนวล” เป็นคนที่จะมาเซ้งหุ้นบริษัท เอ็ม พิคเจอร์ส เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ MPIC ต่อจากบริษัท เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป จำกัด (มหาชน) หรือ MAJOR ในสัดส่วน 92.46% ที่ราคาหุ้นละ 0.54 บาท คิดเป็นมูลค่า 650 ล้านบาท..!!

แต่เอ๊ะ…ไม่ใช่ชื่อคนซื้อที่ MAJOR แจ้งตลาดหลักทรัพย์ฯ ก่อนหน้านี้นี่หน่า…ตอนนั้นแจ้งว่าจะขายหุ้นให้กับ “ชินวัฒน์ อัศวโภคี” นะ…แล้วไหงสุดท้ายกลายมาเป็นแร็ปเปอร์หนุ่ม “ขันเงิน” ไปได้ล่ะเนี่ย…

…ไม่เอาน่ะอย่าคิดมาก ไม่เอาน่ะอย่าคิดไปกันใหญ่… เค้าบอกว่าไม่มีอะไรในกอไผ่จริง ๆ นะ เป็นแค่การฝากแปะโป้งหุ้น MPIC ไว้ก่อนเท่านั้นค่าคุ้ณณณ

โดยมีคำชี้แจงจากแร็ปเปอร์หนุ่มว่า “ที่จริงแล้วตนเป็นคนให้ “ชินวัฒน์” ซึ่งเป็นที่ปรึกษา เข้าเจรจาและทำ MOU จะซื้อขายหุ้น MPIC เพื่อจับจองไว้ก่อน…เมื่อเกิดความชัดเจนในการซื้อขายหุ้น ตนในฐานะผู้ซื้อที่แท้จริงจึงเข้าทำสัญญาซื้อขายในนามตนเอง” ก็ว่ากันตามนั้น…

แต่มีอีกประเด็นที่น่าสนใจ…มาว่าด้วยเรื่องทำไม MAJOR ต้องขายหุ้น MPIC ทิ้งกันดีกว่า..?

ถ้าให้วิเคราะห์ อาจเป็นเพราะ 1) ตั้งแต่ MAJOR ไปเทกโอเวอร์บริษัท ทราฟฟิกคอร์นเนอร์โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ TRAF ซึ่งต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็น MPIC มาจาก “เสี่ยป๊อป”–สุรพงษ์ เตรียมชาญชัย ก็ไม่สามารถสร้างมูลค่าเพิ่มได้อย่างที่คาดหวัง…ส่วนหนึ่งอาจด้วยโมเดลธุรกิจของ MPIC ซึ่งเป็นคนจัดซื้อลิขสิทธิ์ภาพยนตร์ไทยและต่างประเทศ เข้ามาฉายในโรงภาพยนตร์ พอหนังออกจากโรง ก็จะปั๊มแผ่นซีดีขาย ซึ่งในอดีตก็ซัคเซสแหละ…

แต่พอยุคสมัยเปลี่ยนไป การมาของเทคโนโลยี 4G และ 5G ทำให้คนเข้าโรงหนังน้อยลง แล้วหันมาดูหนังผ่านแอปฯ สตรีมมิ่งกันมากขึ้น ส่งผลกระทบต่อ MPIC อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แถมยังมาเจอแรงกระแทกจากโควิดซ้ำเติมอีก…

เลยทำให้งบในช่วงหลายปีที่ผ่านมาไม่ค่อยสู้ดี…ปี 2562 มีรายได้รวม 457 ล้านบาท กำไรสุทธิ 17 ล้านบาท ปี 2563 มีรายได้รวม 290 ล้านบาท ขาดทุนสุทธิ 64 ล้านบาท ปี 2564 มีรายได้รวม 165 ล้านบาท ขาดทุนสุทธิ 20 ล้านบาท ปี 2565 มีรายได้รวม 292 ล้านบาท กำไรสุทธิ 24 ล้านบาท ขณะที่ประเดิมไตรมาส 1/2566 มีรายได้รวม 30 ล้านบาท กำไรสุทธิ 2 ล้านบาท

โดยปัจจุบัน MPIC มีขาดทุนสะสมยังไม่ได้จัดสรรอยู่ที่ 274.28 ล้านบาท

2) MAJOR คงไม่อยากแบก MPIC อีกแล้ว…เลยขายไปดีกว่า โดยเปิดกว้างให้ใครก็ได้มาซื้อไป ส่วนตัว MAJOR เองไปมุ่งพัฒนาโรงภาพยนตร์ สร้างสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ให้ครบครัน แล้วรอกินส่วนแบ่งค่าฉายหนังไป…

และ 3) MAJOR ต้องการเงินทุนในการขยับขยายธุรกิจ เพื่อรองรับกับการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ หลังจากสถานการณ์โควิดคลี่คลาย

ก็ไม่รู้ว่านี่จะเป็นเหตุเป็นผลที่ทำให้ “เสี่ยวิชา พูลวรลักษณ์” ตัดสินใจขายหุ้น MPIC อ๊ะป่าว..?

ส่วนในมุมแร็ปเปอร์หนุ่มขันเงิน เท่าที่ย้อนดูแบ็กกราวนด์ โตมาจากต่างประเทศ ก่อนที่จะกลับมาทำงานเพลงในสังกัดแกรมมี่ หลังจากนั้นก็ไปทำงานเพลงที่อเมริกาอยู่พักใหญ่ สุดท้ายก็กลับมาเป็นแร็ปเปอร์มีชื่อเสียงโด่งดังในชื่อวง “ไทยเทเนียม”

ส่วนประสบการณ์ด้านธุรกิจ…แม้จะทำมาหลากหลายธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นร้านอาหาร ผับ บาร์ ร้านขายเสื้อผ้า สายการบิน สตูดิโอ บ้านจัดสรร ฯลฯ แต่ยังไม่เห็นธุรกิจไหนปังเลยนะ…การเข้ามานั่งกุมบังเหียน MPIC จึงเป็นเรื่องที่ท้าทายไม่น้อย…

เห็นว่าเป้าหมายจะปั้น MPIC ให้เป็นบริษัทบันเทิงที่มีความหลากหลาย โดยอาศัยคอนเนกชันที่มีอยู่ต่อยอดไปสู่การจัดงาน Event และคอนเสิร์ตทั้งศิลปินไทยและเทศนะ..!!

เอาล่ะ ไม่รู้ว่าสุดท้ายแล้ว MPIC จะเปลี่ยนโฉมไปยังไง..?

แต่ที่แน่ ๆ ตอนนี้ MPIC เป็นหุ้นแร็ปเปอร์โย่ว โย่ว ไปแล้ว…

มิน่าล่ะ หุ้น MPIC ถึงได้แร็ปโย่ว โย่ว จนวิ่งชนซิลลิ่ง 2 วันซ้อน…

…อิ อิ อิ…

Back to top button