BTSGIF ราคาขยับขึ้นแต่ยังต่ำกว่าบุ๊ก

กองทุนที่ดี (IFF) ของไทยที่มีผลประกอบการของรถขนส่งมวลชนในกทม.ซึ่งได้รับผลประโยชน์จากสิทธิพิเศษทางภาษีจากการเป็นกองทุนพื้นฐานที่นักลงทุนไม่ต้องเสียภาษีจากเงินปันผล


กองทุนที่ดี (IFF) ของไทยที่มีผลประกอบการของรถขนส่งมวลชนในกทม.ซึ่งได้รับผลประโยชน์จากสิทธิพิเศษทางภาษีจากการเป็นกองทุนพื้นฐานที่นักลงทุนไม่ต้องเสียภาษีจากเงินปันผล

ที่ผ่านมา 2 ปีเศษที่การขาดทุนของบริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ หรือ BTSC ทำให้กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานระบบขนส่งมวลชนทางราง บีทีเอสโกรท หรือ BTSGIF ที่เคยมีปันผลสวยงาม ต้องงดจ่ายเงินปันผลและราคากลับดิ่งลงมาจากระดับเหนือ 11.00 บาท เหลือต่ำใต้ 4.00 บาท แต่หลังจากการย่ำฐานยาวนานหลายเดือนราคากลับขยับตัวขึ้นมาที่เหนือ 3.70 บาท อีกครั้งหลังการเสนอผลประกอบการดีขึ้นของการเดินทางหลังยุคโควิด-19 ทำให้ราคาและกำไรต่อหัวของการโดยสารที่ดีขึ้นต่อเนื่อง

บอกให้รู้ว่ายุคทองครั้งใหม่กำลังมาเยือน และรอเคาะประตูเท่านั้นเอง

รายงานผลการเดำเนินงานของรายได้สุทธิที่จะเกิดขึ้นจากการดำเนินงานระบบรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนกรุงเทพสายหลัก ซึ่งครอบคลุมระยะทาง 23.5 กิโลเมตรประกอบด้วย สายสุขุมวิท ระยะทาง 17 กิโลเมตร จากสถานีหมอชิตถึงสถานีอ่อนนุช และสายสีลม ระยะทาง 6.5 กิโลเมตร จากสถานีสนามกีฬาแห่งชาติถึง สถานีสะพานตากสินตามสัญญาสัมปทาน (สัญญาสิ้นสุดวันที่ 4 ธันวาคม 2572) นอกจากจะบ่งบอกแนวโน้มของยุคขาขึ้นของขนส่งมวลชนแล้ว ยังส่งผลทางอ้อมต่อราคาของกองทุนอินฟราฟันด์รายนี้

รายงานทั้งในส่วนของสัมปทาน และระบบร่วมแบ่งรายได้กับกทม.จาก สิทธิในการรับประโยชน์จากรายได้ในอนาคต จากกิจการโครงสร้างพื้นฐานที่กำลังก่อสร้างใหม่ ๆ จากสายสีชมพูที่คาดว่าจะผ่านย่านที่มี แนวโน้มการเติบโตของประชากรหลังจากประเด็นเรื่องโควิดคลี่คลายลง แม้ว่าจะไม่มีการ  จ่ายผลตอบแทน (เงินคืนทุน) และยังมีตัวเลขขาดทุนติดค้างอยู่บ้าง แต่ทิศทางเท่ากับพ้นจากจุดต่ำสุดแล้ว ทำให้ตัวเลขการฟื้นตัวของผู้โดยสารที่เป็นไปตามคาด ทำให้มองเห็นแนวโน้มของกำไรปกติฟื้นต่อเนื่องคาดให้ผลตอบแทนดีเด่นต่อไปจนสิ้นสุดสัญญาสัมปทาน และรวมถึงรายได้จากโครงการใหม่ที่จะมากขึ้น ไม่นับรวมทั้งรายได้พิเศษจากการลงทุนร่วมอื่น ทางด้านอสังหาริมทรัพย์ตามเส้นทางรถไฟฟ้าที่ยังอยู่ในระยะของการวางแผนงาน ลำพังแค่การฟื้นของรายได้การให้บริการรถไฟฟ้าสายสีเขียวหลัก

ที่ปริมาณผู้โดยสารฟื้นอย่างโดดเด่นเพียงพออยู่แล้วในฐานะของเส้นทางที่ผ่านย่านประชากรของกทม.วันละประมาณ 2 ล้านคนต่อหัว/เที่ยว

ตัวเลขขาดทุนสุทธิจากเงินลงทุนเหลือเพียง 26 ล้านบาทเทียบกับระยะเดียวกันปีก่อนที่มีตัวเลข 250 ล้านบาท จากการปรับประมาณการรายได้ขึ้นตามปริมาณผู้โดยสารฟื้นดีกว่าคาด และการปรับขึ้นค่าโดยสารเร็วกว่าคาด

การเปลี่ยนแปลงสินทรัพย์สุทธิจากการดำเนินงานเพิ่มขึ้นมากกว่าปีก่อนถึงกว่า 190% สะท้อนถึงการคาดเดาอนาคตของอนาคตของกองทุนว่าจะต้องสูงขึ้น ทำให้หุ้นกองทุนอินฟราฟันด์รายนี้กลับมาฟื้นตัวอีกครั้ง

ราคาบนกระดานซื้อขายที่ยังแค่ 3.72 บาท ต่ำกว่าบุ๊กแวลู 6.73 บาท กว่า 40% น่าจะเป็นโอกาสที่ดีเยี่ยมของนักลงทุนระดับแมงเม่าที่เคยผ่านร้อนหนาวอย่างช่ำชองกันได้

ไม่ว่าจะอย่างไรเสียความนิยมในการเดินทางของระบบขนส่งมวลชนที่สามารถทำให้คนสามารถคาดเดาระยะเวลา ในการเดินทางในเขตชุมชนหนาแน่นได้ แน่นอนกว่าการเดินทางแบบอื่น ๆ

Back to top button