ตลาดหุ้นเลือดสาด

วันนี้ “โมนิก้า” กล้าพูดอย่างเต็มปากเต็มคำว่า บรรดาแมงเม่าเกิดอาการเข็ดขยาดกับการแกว่งตัวของดัชนีแบบไม่มีลิมิตชีวิตเกินร้อยกันเป็นจำนวนมาก


วันนี้ “โมนิก้า” กล้าพูดอย่างเต็มปากเต็มคำว่า บรรดาแมงเม่าเกิดอาการเข็ดขยาดกับการแกว่งตัวของดัชนีแบบไม่มีลิมิตชีวิตเกินร้อยกันเป็นจำนวนมาก จึงได้ยินการส่งเสียงร้องโอดโอยดังระงมไปทั่วทุกห้องค้า พร้อมกับได้ยินเสียงถอนหายใจเฮือกใหญ่อย่างชัดเจน ซึ่งเหมือนเป็นภาพสะท้อนที่ทำให้เห็นหนทางในการลงทุนเต็มไปด้วยขวากหนามตลอดเส้นทางนะจะบอกให้

ประกอบกับตัวแปรที่นำมาบอกเล่าเรื่องราวมีแต่เรื่องร้าย ๆ “โมนิก้า” เลยมีอาการห่อเหี่ยวให้เห็นเป็นช่วง ๆ เพราะมันหมายถึงดัชนีมีโอกาสทรุดตัวลงไปยืนที่ฐานแนวรับด้านล่างบริเวณ 1,500 จุดค่อนข้างสูง บวกกับตลาดหุ้นทั่วโลกได้รับแรงกดดันจากเศรษฐกิจชะลอตัว พ่วงด้วยความระหองระแหงของการเมืองระหว่างประเทศ หรือแม้กระทั่งค่าเงินบาทที่อ่อนค่าไปถึง 34.81 บาทต่อดอลลาร์ มันเป็นสถานการณ์ที่ทำให้หลายอย่างดูหนักหนาสาหัสกว่าที่คิดนะคะ

โดยเฉพาะการที่นักลงทุนต่างชาติยังดำเนินนโยบายสาดหุ้นทิ้ง เพื่อป้องกันความเสียหายที่จะเกิดขึ้นในอนาคต วานนี้ถึงเห็นยอดขายสุทธิตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบันมากถึงแสนล้าน ขณะที่ดัชนีโรยตัวลงมาปิดที่ 1,537.59 จุด ลบไป 19.33 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 4.59 หมื่นล้านบาท มันทำให้เห็นว่า แรงเทขายในเที่ยวนี้เยอะจริง ๆ “โมนิก้า” ถึงมองไม่เห็นหนทางที่ดัชนีจะเด้งกลับอย่างบูรณาการ และต้องนั่งทำตาปริบ ๆ ต่อไปอย่างไม่มีกำหนดเจ้าค่ะ

สำหรับตัวการหลักที่ทำให้ตลาดหุ้นเลือดสาดเป็นช่วง ๆ ก็มาจากอิทธิฤทธิ์ของ DELTA และไม่มีเหตุผลอื่นใดมาอธิบายได้ดีเท่ากับสถาบัน take profit สภาพของหุ้นถึงยับเยินอย่างที่เห็นนี่แหละ! เดี๊ยนเลยไม่มีคำถามค้างคาใจว่า เหตุใดหุ้นถึงทิ้งดิ่งลงมายืนอยู่ที่ 96 บาท ลบไป 21.50 บาท หรือลงไปอีก 18.30% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 4.38 พันล้านบาท เพราะมันเป็นเรื่องที่หุ้นขนาดใหญ่ต้องเจอกันทุกรายน่ะซี

ไม่เว้นแม้แต่หุ้นเครื่องดื่มชูกำลัง CBG ตกอยู่ในสภาพทำราคาต่ำสุดใหม่ให้เห็นเนือง ๆ วานนี้จึงเป็นอีกวันที่ราคาหุ้นย่อตัวลงมาปิดที่ 67.50 บาท ลบไป 0.25 บาท หรือลงไป 0.37% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 298 ล้านบาท น่าจะมาจากความกังวลเกี่ยวกับกำไรมีแนวโน้มลดลง และเรื่องดังกล่าวน่าจะมีผลต่อเนื่องในไตรมาส 2 หุ้นถึงอยู่ในทิศทางขาลงอย่างชัดเจน และมองไม่เห็นจุดเด้งกลับอยู่ตรงบริเวณไหนนะจ๊ะ

ส่วนคนที่อยากวัดดวงเหลือเกิน “โมนิก้า” ขอให้หันมาดูหุ้น BANPU เพื่อเป็นทางเลือกสำหรับคนที่ชอบเล่นเสียว เพราะเป็นหุ้นบลูชิพเพียงไม่กี่ตัวที่ยังเคลื่อนไหวในทิศทางแกว่งตัวขึ้น ขณะที่ราคาปิดวานนี้อยู่ที่ระดับ 9.10 บาท บวกไป 0.10 บาท หรือขึ้นไป 1.11% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 989 ล้านบาท พร้อมกับมีความหวังว่า ทุกอย่างน่าจะดีขึ้นแบบนี้..เดี๊ยนมองเป็นเรื่องที่ต้องใช้ความไวมาเป็นตัวนำในการเล่นหุ้นเจ้าค่ะ

เช่นเดียวกับในรายของ KTC อาจมีอาการตื้อ ๆ ตัน ๆ ให้เห็นบ้างในบางจังหวะ และส่อแววจะเป็นไปในลักษณะไซด์เวย์ดาวน์ แต่ในระหว่างทางมักมีอาการดีดแรงให้เห็นเป็นช่วง ๆ “โมนิก้า” ถึงมองเป็นช็อตของการเล่นรอบสั้น ๆ สำหรับพวกเสือปืนไว บวกกับสตอรี่ของหุ้นไม่มีมนต์ขลังเหมือนเมื่อก่อน วานนี้ถึงเห็นหุ้นเด้งสวนภาวะตลาดขึ้นมาปิดที่ 50.25 บาท บวกไป 0.75 บาท หรือขึ้นไป 1.52% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 285 ล้านบาท ไงล่ะคะ

ส่วนคนที่ “ถนัดของเล็ก ราคาย่อมเยา” ต้องหันมามองหุ้น QH หลังราคาหุ้นอ่อนตัวลงมายืนใกล้เส้นแนวรับ 200 วันบริเวณ 2.24 บาท จึงมีความเป็นไปได้ที่หุ้นจะเด้งกลับขึ้นไปหาแนวต้านแรกที่บริเวณ 2.36 บาท หากทะลุระดับดังกล่าวขึ้นไปได้แบบชิว ๆ ก็มีลุ้นถึงยอดเดิมบริเวณราคา 2.46 บาท น้องโมถึงอยากให้น้องหนูทั้งหลายมองราคาปิดที่ 2.26 บาท ลบไป 0.02 บาท หรือลงไป 0.88% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 125 ล้านบาท น่าสนไหม?

อีกหนึ่งรายที่เหมาะต่อการโหนกระแส เพราะเขาเชื่อกันว่า การเข้ามากุมบังเหียนของนายต่างชาติจะทำให้ทุกอย่างสมูทขึ้น “โมนิก้า” คงมองไปที่หุ้นน้ำผลไม้ MALEE แบบไม่ลังเลใจ เพราะทุกครั้งที่มีการเปิดตัวอย่างเป็นทางการ ทุกอย่างก็ดีขึ้นเหมือนที่เป็นข่าว แต่หลังจากนั้นมักโรยราไปตามสภาพ จึงอยากให้นักเล่นประเมินการยืนปิดที่ 8.00 บาท ลบไป 0.90 บาท หรือลงไป 10.11% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 286 ล้านบาท มันน่าจัดสักดอกไหมล่ะคะ

Back to top button