OSP เปย์ปันผลพิเศษ.!

หลังจากบริษัท โอสถสภา จำกัด (มหาชน) หรือ OSP สะบัดผ้าอนามัย (โซฟี) ทิ้งไป ด้วยการขายหุ้นทั้งหมดที่ถือสัดส่วน 5.85%


หลังจากบริษัท โอสถสภา จำกัด (มหาชน) หรือ OSP สะบัดผ้าอนามัย (โซฟี) ทิ้งไป ด้วยการขายหุ้นทั้งหมดที่ถือสัดส่วน 5.85% ในบริษัท ยูนิ.ชาร์ม (ประเทศไทย) จำกัด (ยูนิชาร์ม) ให้กับบริษัท ยูนิชาร์ม คอร์ปอเรชั่น จำกัด มูลค่า 3,000 ล้านบาท..!!

ตามด้วยการขายสินทรัพย์ทั้งหมดของบริษัทลูกที่ชื่อบริษัท เอเชีย เวนดิ้ง แมชชีน โอเปอร์เรชั่น จำกัด (AOC) ซึ่งประกอบด้วย ตู้จำหน่ายสินค้าอัตโนมัติ มีทั้งตู้ขายเครื่องดื่ม ตู้ขายสินค้าประเภทอาหาร (Light Meal & Snack Type) สินค้าที่อยู่ภายในตู้ ชิ้นส่วนอะไหล่ รวมทั้งพนักงาน ให้กับบริษัท สบาย คอนเน็กซ์ เทค จำกัด (มหาชน) หรือ SBNEXT (อ้อ..ร่างเดิมก็คือ บริษัท เธียรสุรัตน์ จำกัด (มหาชน) หรือ TSR นั่นแหละ) มูลค่า 320 ล้านบาท…คาดธุรกรรมจะแล้วเสร็จภายในวันที่ 31 ก.ค. 2566

แต่เนื่องจากดีลขายยูนิชาร์ม มูลค่าก้อนใหญ่ 3,000 ล้านบาท…OSP ก็เลยจัดชุดใหญ่ไฟกระพริบด้วยการประกาศจ่ายปันผลพิเศษที่ 0.80 บาท รวมเป็นเงิน 2,403 ล้านบาท…โดยกำหนดเครื่องหมาย XD 4 ก.ค.นี้

ทำเอาผู้ถือหุ้นหน้าบานเป็นจานเชิงกันถ้วนหน้า..!!

แต่นี่เป็นแค่ปันผลพิเศษนะ…ยังมีปันผลปกติที่จะตามมาอีก ซึ่งปกติ OSP จะจ่ายปันผลปีละ 2 ครั้ง งวดครึ่งปีแรกและงวดครึ่งปีหลัง ถ้าเทียบเคียงกับงวดปี 2565 ที่จ่ายปันผล 2 ครั้งอยู่ที่ 90 สตางค์ ส่วนงวดปี 2564 จ่ายปันผลอยู่ที่ 1.10 บาท และงวดปี 2563 จ่ายปันผลอยู่ที่ 1.10 บาท

นั่นแปลว่า งวดปี 2566 อย่างน้อย ๆ ก็น่าจะเห็นการจ่ายปันผลปกติที่ 90 สตางค์ล่ะมั้ง..!!

แหม๊…ปีนี้น่าจะเป็นปีรับทรัพย์ของผู้ถือหุ้น OSP ละมั้ง ซึ่งคงเป๋าตุงไปตาม ๆ กัน…

ส่วนคนที่ได้ไปเยอะสุด คงหนีไม่พ้นผู้ถือหุ้นใหญ่ “กลุ่มโอสถานุเคราะห์” แหละ…ถ้าคิดแค่ปันผลพิเศษรอบนี้ 80 สตางค์ “นิติ โอสถานุเคราะห์” ซึ่งถือหุ้นเบอร์ 1 จำนวน 723.09 ล้านหุ้น จะได้เงินปันผลไปราว 578.47 ล้านบาท ส่วน “ภาสุรี โอสถานุเคราะห์” ถือหุ้นเบอร์ 4 จำนวน 105.91 ล้านหุ้น ได้เงินปันผลไป 84.73 ล้านบาท

ด้าน “เกสรา โอสถานุเคราะห์” ถือหุ้นเบอร์ 5 จำนวน 94.18  ล้านหุ้น ได้เงินปันผลไปราว 75.35 ล้านบาท “ธัชรินทร์ โอสถานุเคราะห์” ถือหุ้นเบอร์ 6 จำนวน 86.89 ล้านหุ้น ได้เงินปันผลไป 69.51 ล้านบาท

ขณะที่ “คฑา โอสถานุเคราะห์” ถือหุ้นเบอร์ 8 จำนวน 75.42 ล้านหุ้น ได้เงินปันผลไป 60.34 ล้านบาท และ “นาฑี โอสถานุเคราะห์” ถือหุ้นเบอร์ 9 จำนวน 75.30 ล้านหุ้น ได้เงินปันผลไป 60.24 ล้านบาท

เมื่อดีดลูกคิดดูแล้ว เฉพาะ “กลุ่มโอสถานุเคราะห์” ฟาดเงินปันผลพิเศษไปเกือบครึ่งหนึ่งแล้ว หรือกว่า 937.64 ล้านบาทเลยทีเดียว

ส่วนกรณีขายตู้จำหน่ายสินค้าอัตโนมัติให้กับ SBNEXT อย่าไปคิดว่าจะมีการจ่ายปันผลพิเศษอีกรอบล่ะ คงไม่มีหรอก เพราะมูลค่าไม่เยอะ แค่ 320 ล้านบาทเท่านั้นเอง

ซึ่ง OSP ก็คงเอาก้อนนี้มาเป็นทุนเติมหน้าตัก จากที่มีเงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสดตุนไว้แล้ว 1,223.04 ล้านบาท เพื่อไปขยายคอร์บิสซิเนส โดยเฉพาะธุรกิจเครื่องดื่มชูกำลัง ซึ่งกำลังถูกคู่แข่งบริษัท คาราบาวกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ CBG หายใจรดต้นคอมาเรื่อย ๆ…

ว่าแต่ OSP ยังมีธุรกิจที่ไม่ใช่คอร์บิสซิเนสให้ขายอีกป๊ะเนี่ย..? อยากรู้จัง..!!

ที่น่าแปลก อุตส่าห์เปย์หนักขนาดนี้ แต่หุ้น OSP ไม่ค่อยตอบสนองเอาซะเลย…โดยวานนี้ (22 มิ.ย.) ปิดตลาดที่ 30.25 บาท ปรับเพิ่มขึ้น 0.83% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 116.50 ล้านบาทเท่านั้น

เสียของจริง ๆ พับผ่าสิ..!!

…อิ อิ อิ…

Back to top button