BCPG กดดัน & ผลักดัน

หลังจาก BCPG ลูกรักของ BCP ถูกกดจมน้ำ จนทำให้นักลงทุนน้ำท่วมปอดไปตาม ๆ กัน..!! จากกรณีเขื่อนกั้นกำไร...เพื่อเตรียมขายไฟฟ้าให้กับเวียดนาม


หลังจากบริษัท บีซีพีจี จำกัด (มหาชน) หรือ BCPG ลูกรักของบริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ BCP ถูกกดจมน้ำ จนทำให้นักลงทุนน้ำท่วมปอดไปตาม ๆ กัน..!! จากกรณีเขื่อนกั้นกำไร…เพื่อตระเตรียมขายไฟฟ้าให้กับการไฟฟ้าเวียดนาม (Vietnam Electricity-EVN)

ทำให้กำไรสุทธิในไตรมาส 1/2566 ทรุดลงฮวบฮาบกว่า 62.5% เหลือแค่ 511.8 ล้านบาท เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 1,363 ล้านบาท โดยมีรายได้จากการขายและบริการ 1,057.2 ล้านบาท ลดลง 8.7% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้จากการขายและบริการ 1,158.5 ล้านบาท

โรงไฟฟ้าที่หยุดผลิตไฟฟ้านั้น เป็นโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำในสปป.ลาว 2 แห่ง ได้แก่ โครงการ Nam San 3A ตั้งอยู่ที่เมืองเชียงขวาง มีกำลังการผลิต 69 เมกะวัตต์ และโครงการ Nam San 3B ตั้งอยู่ที่เมืองไชยสมบูรณ์ มีกำลังการผลิต 45 เมกะวัตต์ ซึ่ง BCPG เข้าไปลงทุนผ่านบริษัทลูกที่ชื่อ บริษัท บีซีพีจี อินโดไชน่า จำกัด (BIC) ในช่วงปี 2562-2563

เดิมทีทั้งสองโครงการมีสัญญาซื้อขายไฟฟ้าให้กับการไฟฟ้าลาว (Electricite du Laos : EDL) ระยะเวลา 27 ปี ต่อมาภายหลังได้มีการยกเลิกสัญญา และได้เซ็นสัญญาขายไฟฟ้าให้กับการไฟฟ้าเวียดนามเป็นระยะเวลา 25 ปีแทน ภายใต้เงื่อนไขโครงการระบบสายส่งไฟฟ้า Nam Tai ขนาด 220 กิโลโวลต์ ในสปป.ลาว ที่ BCPG เข้าไปลงทุน เพื่อเชื่อมต่อกับระบบสายส่งไฟฟ้าของการไฟฟ้าแห่งเวียดนามต้องแล้วเสร็จเสียก่อน

ก็เข้าใจแหละว่า เป็นการอดเปรี้ยวไว้กินหวาน

แต่ก็มีคำถามตามมาว่า แล้วโรงไฟฟ้าทั้ง 2 แห่งจะกลับมาเปิดดำเนินการได้เมื่อไหร่ล่ะเนี่ย..?

หลังจากรอแล้วรอเล่า… ในที่สุดก็มีคำตอบสักที เมื่อ BCPG แจ้งว่าโครงการ Nam San 3A และโครงการ Nam San 3B ได้เริ่มการผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ไปยังเวียดนามตามสัญญาซื้อขายไฟกับการไฟฟ้าแห่งเวียดนามเรียบร้อยแล้ว ตั้งแต่วันที่ 15 มิ.ย.ที่ผ่านมา…

…เห้อออ โล่งอกไปที..!!

เท่ากับว่า หลังจากนี้ BCPG มีโอกาสกลับมาโตแรงแซงทางโค้งอีกน่ะสิ…

ทำให้ปัจจัยที่เคยกดดันในวันนั้น…มาถึงวันนี้กลายเป็นปัจจัยผลักดันไปแล้วนะเนี่ย..!!

ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าผลการดำเนินงานปกติในไตรมาส 1/2566 จะเป็นจุดต่ำสุดของปี และกำไรน่าจะปรับตัวดีขึ้นในปีนี้ มีปัจจัยหนุนสำคัญในไตรมาส 2/2566 จาก 1) การกลับมาเปิดโรงไฟฟ้าพลังน้ำในลาว (มิ.ย. 2566) 2) การรับรู้กำไรเต็มไตรมาสจาก 2 โรงผลิตไฟฟ้าจากก๊าซในสหรัฐฯ และ 3) ฤดูกาลที่ดีต่อเนื่องของโรงไฟฟ้าพลังแสงอาทิตย์

โดยคาดผลประกอบการในช่วงครึ่งปีหลังจะได้แรงหนุนจากฤดูกาลที่ดีของโรงไฟฟ้าพลังน้ำในไตรมาส 3/2566 และความสำเร็จของดีลซื้อกิจการ โดยคาดกำไรสุทธิอยู่ที่ 1.7 พันล้านบาทในปี 2566 และแตะ 2 พันล้านบาทในปี 2567…ก็ว่ากันไป

แต่ต้องขีดเส้นใต้ไว้หน่อยว่า ปีนี้จะเกิดปรากฏการณ์เอลนีโญที่รุนแรงกว่าปีก่อน ๆ นะ นั่นหมายถึงฝนตกน้อย…น้ำแล้ง ก็จะไปกดดันโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำ…

ดังนั้น สิ่งที่เคยวาดฝันไว้สวยหรู ก็อาจไม่เป็นไปอย่างที่ฝันก็ได้นะ

ระวังจะเกิดภาวะน้ำท่วมปอดอีกรอบ..!?

…เดี๋ยวจะหาว่าไม่เตือน…

…อิ อิ อิ…

Back to top button