มองต่างมุม GDP จีน

NDRC ประกาศว่า จะกระตุ้นการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานของภาคเอกชน โดยเปิดโอกาสให้เอกชนเข้ามามีส่วนร่วมภาคส่วนต่าง ๆ


คณะกรรมการการพัฒนาและปฏิรูปแห่งชาติจีน (NDRC) ประกาศว่า จะกระตุ้นการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานของภาคเอกชน โดยเปิดโอกาสให้เอกชนเข้ามามีส่วนร่วมภาคส่วนต่าง ๆ ตั้งแต่การขนส่ง ประปา พลังงานสะอาด โครงสร้างพื้นฐานแบบใหม่สำหรับการผลิตขั้นสูง และเกษตรกรรมสมัยใหม่ โดยจะมีการเพิ่มการสนับสนุนด้านการเงิน แก่โครงการต่าง ๆ ด้วยเช่นกัน

ท่ามกลางสถานการณ์ “วานิชธนกิจระดับโลกหลายแห่งมีการปรับคาดการณ์การเติบโตทางเศรษฐกิจจีนเกือบทุกเดือน” ช่วงปีนี้..!!

ล่าสุด “เจพีมอร์แกน” ปรับลดคาดการณ์การเติบโตของผลิตภัณฑ์รวมในประเทศ (จีดีพี) ของสาธารณรัฐประชาชนจีนปีนี้ลงเหลือ 5% จากเดิมมองไว้ 5.5% ที่ถือว่าอยู่ระดับเดียวกันกับคาดการณ์จากวาณิชธนกิจชั้นนำอื่น ๆ อย่าง “ซิตี้” และ “มอร์แกน สแตนลีย์” ที่คาดไว้ 5% ด้วยเช่นกัน

ขณะที่ “โกลด์แมน แซคส์” มีมุมมองเชิงบวกมากสุดในกลุ่ม โดยทบทวนบทวิเคราะห์ที่ล่าสุดยังคงคาดการณ์การเติบโตไว้ 5.4% และเชื่อว่าตัวเลขที่สร้างความตกใจให้กับตลาดนั้นยังไม่คงที่และไม่ใช่เรื่องใหญ่พอจะทำให้ต้องปรับคาดการณ์สำหรับปีนี้ ส่วน UBS ประมาณการไว้ 5.2% และโนมูระ 5.1% 

 “เจพีมอร์แกน” เคยมองการเติบโตไว้สูงสุด 6.4% เมื่อเดือน เมษายน หลังจากจีนรายงานจีดีพีไตรมาสแรกที่เห็นการเติบโตอย่างก้าวกระโดด จากการเปิดประเทศจากการล็อกดาวน์ และการควบคุมอย่างเคร่งครัด เพื่อป้องกันเชื้อไวรัสโควิด-19 มาร่วม 3 ปี ภายใต้นโยบาย “โควิดเป็นศูนย์”

การปรับคาดการณ์ครั้งล่าสุด มีขึ้นหลังจากจีนประกาศตัวเลขเศรษฐกิจ ที่บ่งชี้ให้เห็นถึงการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ช้ากว่าคาด และทางการจีนแทบไม่มีการส่งสัญญาณที่จะผลักดันการเติบโต ด้วยแพ็กเกจกระตุ้นเศรษฐกิจใหญ่ ๆ โดยจีนรายงานการเติบโต 6.3% ช่วงไตรมาส 2/66 

ขณะที่ “เวิลด์แบงก์” และ “กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF)” ที่มักจะจัดทำรายงานทางเศรษฐกิจของประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก แต่รายงานดังกล่าวอาจไม่สามารถสะท้อนการเปลี่ยนแปลงทางสถานการณ์เศรษฐกิจปัจจุบันได้อย่างเต็มที่ 

โดยเดือน มิถุนายนที่ผ่านมา  “เวิลด์แบงก์” คาดการณ์การเติบโตทางเศรษฐกิจจีนปีนี้ไว้ 5.6% ถือเป็นการปรับขึ้นจากเดิมระดับ 4.3% 

ส่วน IMF มองการเติบโตไว้ 5.2% จากเดิมคาดไว้ 4.4% อย่างไรก็ตามโฆษก IMF ออกมาระบุว่า เห็นการเติบโตที่ชะลอตัวลงของจีน และจะมีการปรับเปลี่ยนตัวเลข ให้สะท้อนถีงสภาพเศรษฐกิจในปัจจุบัน ผ่านรายงาน World Economic Outlook ฉบับหน้า

แม้ว่าตลาดและนักลงทุนมองถึงความไม่แน่นอนระยะสั้นของจีน แต่นักวิเคราะห์ ต่างมองว่า เศรษฐกิจจีน จะกลับมาสูงขึ้นระยะยาว

โดยนักวิเคราะห์จาก Rhodium ระบุว่า จะเห็นการกลับมาของกลุ่มวัฏจักรช่วงต้นปี 2567 แม้ไม่มีนโยบายสนับสนุนใหญ่ ๆ จากภาครัฐช่วงครึ่งหลังปี 2566 นี้ก็ตาม และมองว่าช่วง 4 ไตรมาส การฟื้นตัวทางการบริโภคของครัวเรือนจะช่วยผลักดันการจ้างงานของกลุ่มบริการ ส่วนกลุ่มอุตสาหกรรมจะต้องเริ่มตุนสต๊อกในเร็ว ๆ นี้

Back to top button