พาราสาวะถี

ทุกอย่างเมื่อมีการเตรียมการ ผลลัพธ์ที่จะตามมาย่อมไม่เป็นไปโดยธรรมชาติ การเลื่อนโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีออกไปจนกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัย


ทุกอย่างเมื่อมีการเตรียมการ ผลลัพธ์ที่จะตามมาย่อมไม่เป็นไปโดยธรรมชาติ การเลื่อนโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีออกไปจนกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัยปมที่ผู้ตรวจการแผ่นดินยื่นร้อง ถามว่าเป็นปัญหาจากข้อกฎหมายและรายละเอียดที่จะต้องรอบคอบกันมากขนาดนั้นอย่างนั้นหรือ คำตอบคิดว่าคนส่วนใหญ่น่าจะเดาออก ทุกกระบวนท่าขององคาพยพขบวนการสืบทอดอำนาจไม่มีอะไรเป็นเรื่องบังเอิญ เพราะมันคือการวางแผนไว้อย่างแยบยล

ความจริงว่าจะซับซ้อนซ่อนเงื่อนจนยากที่จะคาดเดาก็ไม่ถูกเสียทีเดียว ทั้งหมดมันขึ้นอยู่กับผู้ที่ต้องการผลประโยชน์จะเดินเข้าไปติดกับในสิ่งที่พวกอยู่ยาววางไว้หรือไม่ การฉีกทิ้งเอ็มโอยูจาก 8 พรรคร่วมของพรรคเพื่อไทยคือตัวชี้วัดอาการของ (คนหน้า) เหลี่ยม หลงเหลี่ยมขบวนการสืบทอดอำนาจ การตั้งการ์ดสูงไม่เอาก้าวไกลไม่ว่าจะมีเงื่อนไขแก้มาตรา 112 หรือไม่ของพวกลากตั้งและพรรคการเมืองลิ่วล้อที่สมสู่กับพวกสืบทอดอำนาจมันคือแผนการที่จะดึงพรรคนายใหญ่ให้แตกฝูงจากพรรคฝ่ายประชาธิปไตย

จะเห็นได้ว่าทันทีที่ประกาศแยกทางกัน นอกจากยังเลือกนายกฯ ไม่ได้ แคนดิเดตนายกฯ จากพรรคตัวเอง เศรษฐา ทวีสิน ถูกเล่นงานอย่างหนัก ไม่เพียงเท่านั้นปฏิกิริยาจากพวกลากตั้งที่เป็นหนังหน้าไฟก็พากันออกโรงกล่าวหาโจมตีทั้งตัวเศรษฐาและพรรคเพื่อไทยทันควัน นั่นย่อมเป็นการส่อให้เห็นสัญญาณหรือจะเรียกว่าสันดานของขบวนการสืบทอดอำนาจแล้วว่าจะให้ใครเป็นนายกฯ สถานการณ์หลังจากนี้ไปจึงอยู่ที่เพื่อไทยและ ทักษิณ ชินวัตร จะยังยอมให้ถูกหลอกซ้ำซากอีกหรือไม่

การประกาศเลื่อนวันเดินทางกลับประเทศจาก 10 สิงหาคมไปอีกสองสัปดาห์นี้ ด้วยเหตุว่ามีนัดพบหมอนั้น มันไม่สมเหตุสมผลแม้แต่น้อย ไม่ผิดจากที่คนส่วนใหญ่มองเพราะข้อตกลงที่เคยเจรจากันไว้ในการตั้งรัฐบาลมันไม่เป็นไปตามสัญญา ทุกอย่างจึงต้องว่ากันใหม่ ที่ นายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทยเคยพูดถึงอันดับพรรคการเมืองไว้ว่า 188 เสียงของพวกสืบทอดอำนาจคือฝ่ายชนะนั้น ปลายทางจากแกนนำตั้งรัฐบาลจะกลายเป็นเพียงแค่พรรคร่วมรัฐบาลหรือเปล่า ต้องจับตาดู

อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่แค่พรรคเพื่อไทยที่ส่อว่าจะถูกหลอก แต่คนในขบวนการสืบทอดอำนาจที่มีการจัดวางกันไว้ก็ใช่ว่าจะสมหวัง โดยเฉพาะพี่ใหญ่แก๊ง 3 ป.ที่ถูกคาดหมายว่าจะได้รับการเสนอชื่อจนก้าวขึ้นเป็นนายกฯ คนที่ 30 ได้สำเร็จ ทำท่าว่าจะไม่หมูเสียแล้ว บรรดากุนซือของพี่ใหญ่เองก็รับรู้กันทั้งหมดว่า มีความพยายามที่จะสกัดกั้นไม่ให้คนใช้ใจบันดาลแรงไปถึงฝั่งฝัน หากสถานการณ์ดำเนินไปเช่นนี้ ชะตากรรมของบ้านเมืองจะเดินไปอย่างไร

วางแผนกันไว้ถึงขนาดนี้คงไม่ถึงขั้นที่จะให้ผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจนั่งรักษาการนายกฯ ไปจนพวกลากตั้งหมดอำนาจโหวตเลือกนายกฯ เพราะนั่นจะเข้าทางฝ่ายประชาธิปไตยทันที ระหว่างนี้มือไม้ที่ทำหน้าที่ชี้เป็นชี้ตายก็จะได้โอกาสแสดงศักยภาพให้ผู้มีบุญคุณเห็น การยุบพรรคก้าวไกล เพื่อไทย และบางพรรคขนาดเล็กหรือกลางที่ต้องร่วมสังเวยเพื่อพิสูจน์ความเป็นกลาง จะเป็นการดำเนินการในลำดับต้น ก่อนที่จะไปถึงการสอย สส.ทั้งหลาย

ปลายทางมีการวิจารณ์กันว่าหวังผลไปถึงขั้นที่อาจจะต้องจัดการเลือกตั้งกันใหม่แทบจะทั้งประเทศ หรือมีความเป็นไปได้ที่จะทำให้การเลือกตั้งเป็นโมฆะ อย่าได้มองข้ามอภินิหารทางกฎหมายของพวกสืบทอดอำนาจกันทีเดียว อะไรก็เกิดขึ้นได้ แต่การเดินตามแนวทางนี้ถือเป็นการเดิมพันที่สูงยิ่ง มันหมายถึงอนาคตของบ้านเมืองที่จะต้องติดหล่มกันไปอีกนาน เว้นเสียแต่ว่าระหว่างทางอาจจะเกิดอุบัติเหตุทางการเมืองเกิดการรัฐประหารล้มกระดานกันอีกกระทอก

แต่คงจะเกิดขึ้นได้ยาก ไม่ใช่เพราะปฏิกิริยาของนานาประเทศ สำคัญคือ สหรัฐอเมริกาและสหภาพยุโรปที่เรียกร้องให้ประเทศไทยเคารพฉันทามติของประชาชน ตั้งรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง หากแต่กระบวนการจัดทัพ จัดโผแต่งตั้งโยกย้ายนายทหารประจำปีก็มีความเคลื่อนไหวที่น่าสนใจว่า บูรพาพยัคฆ์ที่เคยเกรียงไกรกำลังจะกลายเป็นอดีต ถึงยุคผลัดใบไม่ต้องบอกว่าสายไหนที่จะก้าวขึ้นมายิ่งใหญ่กุมขุมกำลังในกองทัพบก

แม้แต่ผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจเองก็ไม่กล้าแตะ ที่สำคัญมากไปกว่านั้นอำนาจ บารมีที่เคยผนึกกันเหนียวแน่นกับแก๊ง 3 ป.ก็เหือดหายไปตามกาลเวลา และผลประโยชน์ทางการเมือง ดังนั้น โอกาสที่จะเกิดการใช้กำลังทางทหารเพื่อล้างไผ่ทางการเมืองกันอีกนั้น จึงเป็นไปได้ยาก ขึ้นอยู่กับว่าฝ่ายการเมืองจะจัดวางจังหวะการขับเคลื่อนกันอย่างไร น่าสนใจที่คู่ขนานกันไปกับการเลื่อนโหวตเลือกนายกฯ ก็คือ การเลือกหัวหน้าพรรคคนใหม่ของประชาธิปัตย์

วันอาทิตย์ที่ผ่านมา นัดหมายกันใหม่อีกรอบ สุดท้ายก็ต้องเจอโรคเลื่อนด้วยเหตุผลเดิมองค์ประชุมไม่ครบ กลเกมแบบนี้ก็เท่ากับเป็นการดึงจังหวะ ซื้อเวลาเพื่อให้รักษาการกรรมการบริหารพรรคและ สส.ที่มีอยู่ 25 คน ได้ใช้ข้อบังคับเดิมในการที่จะลงมติเพื่อเข้าร่วมรัฐบาล ปฏิกิริยาที่เริ่มเด่นชัดต่อการบอกปัดจับมือตั้งรัฐบาลกับเพื่อไทยก็ทำให้เห็นแล้วว่า พรรคขั้วอำนาจเดิมสุมหัววางแผนกันอย่างไร และยิ่งทำให้เห็นว่าการตัดสินใจทิ้งพวกของเพื่อไทยนั้นเป็นความผิดพลาด

เหมือนการถูกทิ้งไว้กลางทาง อย่างที่ สามารถ แก้วมีชัย อดีต สส.เชียงรายของพรรคนายใหญ่ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กระบุ วันนี้เพื่อไทยเหมือนถูกหลอกให้แยกตัวออกมาจากข้าวต้มมัดฝ่ายประชาธิปไตย กลายเป็นพรรคโดดเดี่ยวมีเพียง 141 เสียง วันนี้เพื่อไทยไม่เหลืออำนาจต่อรองอะไรมากมาย จะย้อนกลับไปหาก้าวไกลก็คงลำบาก เพราะอีกฝ่ายคงเจ็บปวดและจดจำในสิ่งที่เคยทำไว้กับเขา หมากกระดานนี้ ไม่ทราบใครหลอกใคร หรือจะเป็นเหมือนที่ ไพศาล พืชมงคล บอกว่า การเมืองช่วงนี้อยู่ในภาวะ “หลอกแดกแหกตาต้มตุ๋น” ก่อนที่จะขยับไปสู่ “ก็บอกแล้วไง” บอกใคร บอกอะไร ตามลุ้นกันว่าจะเป็นอย่างนั้นจริงหรือไม่

Back to top button