พาราสาวะถี

หลังจากการเข้าเฝ้าฯ ถวายสัตย์ปฏิญาณวันนี้ของ ครม.เศรษฐา 1 รัฐมนตรีแต่ละกระทรวงก็จะได้เดินทางเข้าไปทำงานกันตามฤกษ์ที่ได้วางกันไว้


หลังจากการเข้าเฝ้าฯ ถวายสัตย์ปฏิญาณวันนี้ของ ครม.เศรษฐา 1 รัฐมนตรีแต่ละกระทรวงก็จะได้เดินทางเข้าไปทำงานกันตามฤกษ์ที่ได้วางกันไว้ แล้วแต่ใครจะสะดวกวันไหน ไม่ว่าใครจะยึดถือแบบไหน ภายใต้การนำของ เศรษฐา ทวีสิน รัฐนาวาคณะนี้จะไม่มีเวลาหายใจหายคอ เนื่องจากเงื่อนไขที่บีบรัดพรรคแกนนำอย่างเพื่อไทยให้ต้องเดินหน้าเพื่อเรียกศรัทธา ความเชื่อมั่นกลับคืนมาโดยเร็ว โดยเฉพาะนโยบายสำคัญทั้งหลายต้องเร่งดำเนินการทันที

ตอนนี้ทั่วทุกหัวระแหงไปมุมไหนก็มีแต่คำถามเงินดิจิทัลหมื่นบาทจะได้รับเมื่อไหร่ มองกันไว้รับปีใหม่ 2567 ประมาณเดือนมกราคมยังไม่รู้จะทันหรือเปล่า ปัญหาใหญ่ในตอนนี้คือเรื่องงบประมาณปี 2567 ที่ความจริงแล้วจะต้องผ่านการพิจารณาของสภาตั้งแต่เดือนพฤษภาคมแล้ว หรืออย่างช้าไม่เกินเดือนกรกฎาคมหรือสิงหาคม แต่นี่เข้ามากันยายนแล้ว รัฐบาลเพิ่งเริ่มตั้งไข่ ร่าง พ.ร.บ.งบฯ ต้องถูกทบทวนจากที่ประชุม ครม.ก่อนเข้าสู่กระบวนการของสภา เมื่อคำนวณระยะเวลาตามขั้นตอนต่าง ๆ แล้ว อาจจะได้ใช้กันก็ปาเข้าไปประมาณเดือนเมษายนโน่นแล้ว  

เมื่อพิจารณาจากแอ็กชันของนายกฯ คนที่ 30 แล้ว พยายามจะเร่งทำให้เร็วที่สุด เช่นนั้นก็ต้องดูว่านอกจากต้องรอกระบวนการงบประมาณแล้ว สามารถที่จะหาเงินจากส่วนอื่นมาเพื่อจั่วหัวโครงการสำคัญของรัฐบาลได้ก่อนหรือไม่ งานนี้ การนั่งควบเก้าอี้ว่าการกระทรวงการคลังด้วยตนเอง และได้อดีตปลัดคลังมาช่วยว่าการ คงต้องหาทางกันจนได้ จึงสันนิษฐานไว้ก่อนว่าน่าจะทำได้เร็วกว่าที่คาดหมายไว้ หากเป็นไปได้ก็จะทำให้คนที่ตั้งความหวังไว้ยิ้มกันได้ทั่วหน้า

อีกหนึ่งเรื่องสำคัญคือการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ดันตกปากรับคำเป็นสัญญาประชาคมไว้ว่า จะบรรจุเป็นวาระแรกทันทีที่มีการประชุม ครม. จะหาข้อแก้ตัวแบบไหนคงเป็นไปได้ยาก ในภาวะที่กองเชียร์ฝ่ายการเมืองฝากความหวังไว้ว่าจะไม่ตระบัดสัตย์กันอีก ดูจากแนวโน้มแล้วก็ไม่น่าจะมีอะไรให้ติดขัด เพราะภาคประชาชนก็เข้าชื่อยื่นให้ กกต.ตรวจสอบไปแล้ว ฝ่าย กกต.ก็มีการชี้แจงกระบวนการ ขั้นตอนต่าง ๆ ผ่านเว็บไซต์ เรียกได้ว่าขานรับกันเต็มที่ อยู่ที่แกนนำรัฐบาลอย่างเพื่อไทยจะเอาจริงเอาจังขนาดไหน

สัญญาณเชิงบวกในแง่การยอมรับต่อตัวนายกฯ คนใหม่และรัฐมนตรีป้ายแดงหลายรายมีให้เห็น โดยเฉพาะกับพลเรือนที่ไปนั่งว่าการกระทรวงกลาโหมอย่าง สุทิน คลังแสง อย่างที่บอกไปวันก่อน ฟังเจ้าตัวบอกเล่าถึงแนวทางตั้งแต่มีชื่อว่าจะไปคุมกระทรวงนี้ ก็ทำให้รู้สึกว่ามีการทำการบ้านมาดี ยิ่งมีการเดินสายไปพบปะอดีตนายทหารที่มีความช่ำชองงานของกองทัพ ยิ่งทำให้เห็นถึงความตั้งใจที่จะเข้าไปทำงานเพื่อพัฒนากองทัพได้เป็นอย่างดี

การันตีความเชื่อมั่นมาจาก ไพศาล พืชมงคล คนที่คลุกคลีอยู่กับอดีตนายทหารหลายราย ล่าสุดก็เป็นอดีตที่ปรึกษาของพี่ใหญ่แก๊ง 3 ป.เล่าถึงกระแสต่อต้านและแนวทางการทำงานของรัฐมนตรีพลเรือนรายนี้ให้ฟังว่า การสร้างกระแสทหารต่อต้านสุทินนั่งกลาโหมหายวับไปกับตาแล้ว แนวทาง 2 ไม่ 5 ทำ ของสุทินได้รับการขานรับอย่างกว้างขวาง ทหารทุกเหล่าเกือบทุกรุ่น รวมทั้งเพื่อนร่วมรุ่นผู้บัญชาการทหารบกปัจจุบัน ได้สนับสนุนรัฐมนตรีกลาโหมพลเรือน เสนอผู้แทนเข้าร่วมคณะทำงาน คณะที่ปรึกษา เพื่อช่วยกันขับเคลื่อนงานกลาโหมยุคใหม่

อดีตทีมงานกลาโหมสาย “บิ๊กจิ๋ว” พลเอก ชวลิต ยงใจยุทธ สายพลเอก อุทัย ชินวัตร สายพลเอก เชษฐา ฐานะจาโร และอีกหลายสาย พร้อมหน้ากันสนับสนุนรัฐมนตรีกลาโหมพลเรือนคับคั่ง ทั้งคณะเสนาธิการรัฐมนตรี ทั้งคณะทำงานรัฐมนตรี คณะที่ปรึกษารัฐมนตรี ทางฝ่ายการเมืองก็มีข่าวแว่วว่า พลเอก นิพัทธ์ ทองเล็ก อดีตปลัดกระทรวงกลาโหม ที่ปัจจุบันทำหน้าที่ที่ปรึกษาผู้ว่าฯ กทม. จะได้รับการพิจารณาแต่งตั้งเป็นผู้ช่วยรัฐมนตรีกลาโหม เรียกได้ว่า อาศัยสายสัมพันธ์เพื่อสร้างมิตรภาพ เชื่อมไมตรีกับคนมีสีอย่างเต็มที่

ไม่เพียงเท่านั้น หลังจากรับตำแหน่งรัฐมนตรีกลาโหมพลเรือนจะออกเยี่ยมหน่วยทหารทั้งในส่วนกลางและภูมิภาค โดยเฉพาะในพื้นที่ชายแดนเพื่อสร้างขวัญกำลังใจและศึกษาสภาพความเป็นอยู่ของพี่น้องทหาร โดยสถานีโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 5 จะได้รับการสนับสนุนให้ขยายบทบาทเป็นสื่อมวลชนยุคใหม่ และเป็นแม่ข่ายในการรายงานข่าวสารผลงานของกระทรวงกลาโหมและทุกเหล่าทัพ รวมทั้งการสร้างความเข้าใจและความรักชาติบ้านเมืองด้วย นี่เป็นแนวทางสร้างความหวังให้บรรดาเหล่าทัพที่อยากจะเห็นถึงความเปลี่ยนแปลง

เป็นเรื่องจนได้กับภาพเศรษฐาโยนปากกาลงโต๊ะระหว่างรับฟังปัญหาจากกลุ่มวินจักรยานยนต์เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา เจ้าตัวลั่นไม่ได้ขว้างแค่หงุดหงิดที่ปากกาเขียนไม่ติดจึงวางไว้ แต่ขอโทษและยอมรับจะปรับปรุงตัวไม่ให้เกิดภาพเช่นนี้อีก เป็นธรรมดาของอดีตผู้บริหารที่ต้องให้ทุกอย่างได้ดั่งใจ โดยลืมไปว่าเมื่อมาเป็นนักการเมืองและยิ่งเป็นผู้นำประเทศ การควบคุมอารมณ์เป็นสิ่งสำคัญ เพราะเส้นทางนับจากนี้ยังจะมีเรื่องยั่วยุ ทำให้เกิดความโมโหอีกมาก ดีที่ว่าเพิ่งรับตำแหน่ง กระแสโจมตีจึงไม่รุนแรงและขยายวงไปกว่านี้

วันวานเศรษฐาร่วมโต๊ะอาหารกลางวันกับ 17 รัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย ณ ที่ทำการพรรค สิ่งที่กำชับกันคือ เวลาเจอประชาชนห้ามพูดว่าทำไม่ได้ ถือเป็นโจทย์ใหญ่และงานหินสำหรับแกนนำรัฐบาล เนื่องจากผลงานในอดีตเป็นตัวบังคับให้คนที่ถูกเลือกเข้ามาทำหน้าที่จะต้องโชว์ศักยภาพ แสดงประสิทธิในการบริหารงานให้เต็มที่ อย่างที่รู้กันเดิมพันของเพื่อไทยสูงชนิดเทหมดหน้าตัก หากไม่เป็นโล้เป็นพายก็เข้าข่ายสูญพันธุ์สถานเดียว

ด้านพรรคก้าวไกลมั่นใจเป็นอย่างยิ่งว่าการเลือกตั้งซ่อม สส.เขต 3 ระยองที่จะมีขึ้นในวันที่ 10 กันยายนนี้จะเป็นตัวชี้วัดความนิยม และส่งสัญญาณไปถึงพรรคคู่แข่งว่าการเลือกตั้งครั้งหน้าจะเกิดปรากฏการณ์แลนด์สไลด์ได้อย่างแน่นอน แต่ก่อนจะไปถึงตรงนั้นไม่ใช่แค่ฝ่าด่านยุบพรรคหรือการถูกตัดสิทธิทางการเมืองของ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคเท่านั้น บรรดาสมาชิกพรรคโดยเฉพาะพวกที่ถูกวางตัวเป็นผู้สมัครทั้งหลายจะต้องตรวจสอบคุณสมบัติกันให้ถี่ยิบ เพราะมีเหตุเมาแล้วขับ ทำร้ายร่างกาย และอีกหลายเหตุการณ์ เมื่อถึงยามนั้นจะถูกคู่ต่อสู้หยิบยกมาโจมตีว่าเป็นที่ซ่องสุมของพวกกร่าง อยากอยู่เหนือกฎหมายไปเสียฉิบ

Back to top button