พาราสาวะถี

จัดโปรโมชั่นรับประชุมครม.นัดแรกทันที เศรษฐา ทวีสิน แถลงมติที่ประชุมเคาะลดราคาค่าไฟฟ้าอยู่ที่ 4 บาท 10 สตางค์ต่อหน่วย เริ่มรอบบิลกันยายนนี้


จัดโปรโมชั่นรับประชุม ครม.นัดแรกทันที เศรษฐา ทวีสิน แถลงมติที่ประชุมเคาะลดราคาค่าไฟฟ้าอยู่ที่ 4 บาท 10 สตางค์ต่อหน่วย เริ่มรอบบิลเดือนกันยายนนี้เป็นต้นไป ส่วนน้ำมันดีเซลลดให้ถูกลงไม่เกิน 30 บาทต่อลิตรจะเริ่มวันที่ 20 กันยายนนี้เช่นกัน ด้านมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวเรื่องฟรีวีซ่า เริ่มที่สองประเทศคือ จีน และ คาซัคสถาน โดยจะเริ่มตั้งแต่วันที่ 25 กันยายนไปจนถึง 29 กุมภาพันธ์ 2567 ระยะเวลา 5 เดือน เป็นการชั่วคราว

กรณีของราคาน้ำมันดีเซลนั้น มีคำอธิบายเพิ่มเติมจาก จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังว่า จะเป็นการลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซล 2 บาท 50 สตางค์ต่อลิตร เพื่อให้ระดับราคาน้ำมันต่ำกว่า 30 บาทต่อลิตร โดยปัจจุบันอยู่ที่ 31.99 บาทต่อลิตร จะเหลือ 29.49 บาทต่อลิตร เป้าหมายในการดำเนินการเพื่อช่วยลดค่าครองชีพให้กับประชาชน ทั้งนี้ การลดภาษีดังกล่าวจะมีผลตั้งแต่วันที่ 20 กันยายน ถึง 31 ธันวาคมนี้

ขณะที่เรื่องของการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เป็นไปตามคาดไม่มีทางที่จะเคาะให้เกิดทำประชามติหลังการถกนัดแรกได้อย่างแน่นอน ที่ประชุมจึงตั้ง ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธานศึกษาแนวทางการทำประชามติ โดยใช้แนวทางของรัฐสภาหารือรูปแบบการแก้ไขรัฐธรรมนูญและการทำประชามติ ต้องฟังเสียงจากภาคประชาชนการเดินแบบนี้จะนำไปสู่การมี ส.ส.ร.เพื่อมายกร่างรัฐธรรมนูญได้หรือไม่ และจะสามารถทำให้เกิดการแก้ไขโดยเร็วได้หรือเปล่า

กระบวนการศึกษาแน่นอนว่าต้องอ้างเรื่องของเงื่อนเวลา แต่เพื่อไม่ให้ถูกเป็นเป้าโจมตีทางการเมือง เพื่อไทยในฐานะแกนนำรัฐบาล จะต้องเร่งทำให้การแก้ไขรัฐธรรมนูญเกิดเป็นรูปธรรมโดยเร็ว ระหว่างทางอาจจะมีข้ออ้างโน่นนี่ แต่ไม่มีสิทธิ์ที่จะแก้ต่างแก้ตัวว่าทำไม่ได้ด้วยติดเงื่อนไขใด ๆ ในเมื่อประกาศแล้วว่าไม่แตะหมวด 1 และหมวด 2 ที่เป็นข้ออ้างคัดค้านของพวกลากตั้งมาตลอด ย่อมไม่มีประเด็นอะไรที่จะมาหาเหตุให้การแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับสืบทอดอำนาจเผด็จการ คสช.ต้องสะดุดอีกต่อไป

ขณะเดียวกัน การแก้ไขรัฐธรรมนูญที่จะต้องไม่มีการประวิงเวลานั้น ต้องทำควบคู่ไปกับการสร้างผลงานให้เป็นที่ประจักษ์ตามกรอบเวลาที่เศรษฐาได้บอกนักข่าวไว้ 2-3 เดือนจะได้เห็นผลจากการทำงานไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยโดยรัฐบาลของประชาชน จะเป็นเพื่อประชาชนหรือเพื่อนายทุนเดี๋ยวได้รู้กัน แต่ที่แน่ ๆ มติจากที่ประชุม ครม.นัดแรกซึ่งหลายคนเกิดข้อกังขาว่ามีไปเพื่ออะไร คงหนีไม่พ้นเรื่องที่จะมีการจ่ายเงินเดือนให้กับข้าราชการเดือนละ 2 รอบ

เหตุผลที่นายกฯ บอกกับนักข่าวคือ เพื่อลดภาระความเดือดร้อนของข้าราชการ เรื่องนี้คาดว่าจะเริ่มดำเนินการได้วันที่ 1 มกราคม 2567 ต้องรอดูปฏิกิริยาจากบรรดาข้าราชการทั้งหลายว่าเป็นอย่างไร จะปฏิเสธก็ไม่ได้ ปมการวางแผนค่าใช้จ่ายนั่นก็ประเด็นหนึ่ง ยังมีเรื่องการตั้งเบิกตกเบิกตามระบบข้าราชการอีก แค่จ่ายเดือนละหนบางหน่วยงานยังเป็นปัญหา ปรับมาแบบนี้จะทำให้คล่องตัวและเร็วได้จริงหรือ ถือเป็นโจทย์ที่นายกฯ ซึ่งนั่งคุมกระทรวงการคลังด้วยตัวเองต้องตอบเคลียร์ให้กระจ่าง

เสร็จสิ้นภารกิจประชุม ครม.นัดแรกไปแล้ว เศรษฐาจะเข้าทำงานและพบปะมอบนโยบายให้กับผู้บริหารกระทรวงการคลังในวันนี้ (14 กันยายน) ตามมาด้วยคิวลงพื้นที่พบปะประชาชน ที่วางกันไว้ว่าจะเป็นสองสัปดาห์ต่อ 1 ครั้ง สุดสัปดาห์นี้ 15-17 กันยายน จะขึ้นเหนือไปเชียงรายและเชียงใหม่ ไปดูเรื่องการค้าขายแนวชายแดน ปัญหายาเสพติด พบกลุ่มชาติพันธุ์ ดูเรื่องระบบสาธารณสุขปฐมภูมิ เศรษฐกิจและการท่องเที่ยวของสองจังหวัด การคมนาคม และการเพิ่มเที่ยวบินที่สนามบินเชียงใหม่ เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวที่คาดว่าแนวโน้มจะเพิ่มขึ้น

คิวงานรอบนี้เรียกว่าแน่นเอี๊ยดโชว์ความฟิตของท่านผู้นำ โดยช่วงบ่ายของวันที่ 17 กันยายนหลังกลับมาจากเชียงใหม่ ก็จะมีการประชุมหารือเรื่องปัญหายาเสพติด และไปเป็นประธานในการเผาทำลายของกลาง ที่อยู่ระหว่างการพิจารณาว่าจะใช้ที่นิคมอุตสาหกรรมบางปู หรือนิคมอุตสาหกรรมบางปะอิน ก่อนที่ช่วงเช้าของวันจันทร์ที่ 18 กันยายน จะเป็นประธานการประชุม ครม.ที่เลื่อนมาจากวันอังคารที่ 19 กันยายน เนื่องจากวันที่ 18-22 กันยายน นายกฯ พร้อมคณะจะเดินทางเข้าร่วมประชุมสมัชชาสหประชาชาติ ที่กรุงนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา

เหมือนที่บอกไว้ตั้งแต่วันเริ่มทำงาน ไม่มีช่วงฮันนีมูนสำหรับรัฐบาลนี้ อะไรที่หยิบฉวยเพื่อจะเป็นข่าวทำให้ประชาชนเห็นว่านายกฯ และรัฐมนตรีไม่ได้นิ่งเฉยต้องทำทันที ส่วนบทสรุปจากการแถลงนโยบายต่อรัฐสภาในส่วนของเศรษฐานั้น ในแง่รูปแบบและภาพรวมของการแถลงไม่ได้มีอะไรที่ทำให้เกิดความตื่นตาตื่นใจ มิหนำซ้ำ ยังถูกด้อยค่าว่าเป็นนโยบายไม่ตรงปก เป็นเรื่องของพิธีกรรมที่ต้องทำตามกฎหมายบัญญัติ แต่ผลของการปฏิบัติงานจะเป็นตัวบ่งชี้ว่ากรอบที่วางไว้ทำได้ดีกว่าหรือไม่

น่าสนใจในแง่ถ้อยแถลง ท่าทีและการตอบโต้ในสภาของเศรษฐามากกว่า มีทั้งที่เป็นจุดเด่นและจุดด้อย จุดที่ทำให้คนเห็นว่านายกฯ คนนี้มีจุดเดือดต่ำและเกรงใจหรืออาจจะเข้าข่ายเกรงกลัวต่ออำนาจของทางฝ่ายกองทัพมากเกินไปคือ การลุกโต้ตอบการอภิปรายของ สส.พรรคก้าวไกลด้วยท่วงทำนองที่ดุเดือดว่าไม่ควรด้อยค่าทหาร ดูเหมือนเป็นการเอาใจหรืออีกนัยอาจจะเป็นการแก้ต่างเพื่อซื้อใจในกรณีที่ตั้งพลเรือนไปคุมแม่ทัพนายกองทั้งหลาย ทั้งที่หากจะปฏิรูปกันจริงจังต้องไม่ทำให้คนเหล่านี้ได้ใจ

ที่แสดงให้เห็นถึงความเข้าใจและทำการบ้านทางการเมืองมาอย่างดี คงเป็นการตอบโต้ ชวน หลีกภัย จอมหลักการแผ่นเสียงตกร่องที่พาดพิงถึง ทักษิณ ชินวัตร ไม่อยากให้เศรษฐาเดินซ้ำรอย โดย สมชัย ศรีสุทธิยากร ถึงกับบอกว่า ตอบชวนรอบนี้เอาไป 10 เต็ม พูดจากใจ ไม่มีโน้ต ไม่อ่านโฉนดที่หน่วยราชการเขียนส่ง สะกดคนฟังทั้งสภาขนาดวันนอร์ ยังหันหน้าไปตั้งใจฟัง ด้าน พนัส ทัศนียานนท์ ก็โพสต์ชมฟังนายกฯ คนที่ 30 ตอบอดีตนายกฯ คนที่ 20 ชักจะรู้สึกหวั่นใจแทนฝ่ายค้านเสียแล้วว่า คงไม่ใช่ธรรมดาแน่ ๆ เศรษฐาสอบผ่าน แต่ฟากของผู้อาวุโสอย่างชวนฟังคำอภิปรายแล้วไม่แปลกใจทำไมประชาธิปัตย์ถึงตกต่ำได้เพียงนี้

Back to top button