เห็นจุดอ่อนรัฐบาล

วันนี้ศุภฤกษ์ดี ก่อนวันครบรอบ 29 ปีเพียง 1 วันของน.ส.พ.ข่าวหุ้นธุรกิจ ซึ่งบัดนี้แตกลูกแตกหลานไปเป็นเว็บไซต์ข่าวหุ้นออนไลน์, ข่าวหุ้นอินเตอร์เนชันแนล, ข่าวหุ้นเรดิโอ และข่าวหุ้นทีวี ออนไลน์แล้ว


วันนี้ศุภฤกษ์ดี ก่อนวันครบรอบ 29 ปีเพียง 1 วันของนสพ.ข่าวหุ้นธุรกิจ ซึ่งบัดนี้แตกลูกแตกหลานไปเป็นเว็บไซต์ข่าวหุ้นออนไลน์, ข่าวหุ้นอินเตอร์เนชันแนล, ข่าวหุ้นเรดิโอ และข่าวหุ้นทีวี ออนไลน์แล้ว

ย่างก้าวเข้าสู่ปีที่ 30 ไปพร้อมกับการมีรัฐบาลชุดใหม่ ที่สลัดคราบไปจากชุดรัฐบาล 9 ปีที่ผ่านมา และนายกรัฐมนตรีคนใหม่ ชื่อนายเศรษฐา ทวีสิน

แถลงนโยบาย 2 วัน ก็อย่างที่ฝ่ายค้านว่าไว้จริง ๆ นั่นคือโหรงเหรง เนื้อหากว้างซะจนจับต้องอะไรไม่ได้ และไม่แสดงเจตนาจะผูกมัดอะไรเลย

แต่พอย้ายเวทีจากสภามาทำเนียบฯ ในการประชุมคณะรัฐมนตรีนัดแรก ก็มีมติครม.ออกมาเปรี้ยงปร้างเอาการ ถึงแม้จะยังไม่ครบถ้วนตามที่หาเสียงไว้ก็เถอะ

ลดค่าไฟเหลือ 4.10 บาท/หน่วย จาก 4.45 บาท, คุมราคาน้ำมันดีเซลให้ต่ำกว่าลิตรละ 30 บาท, ค่าแรงอีก 4 ปีข้างหน้าปรับเป็น 600 บาท แต่เฉพาะหน้าปรับเป็น 400 บาทก่อน,

ลดค่าโดยสารรถไฟฟ้าทุกสายเหลือ 20 บาท จะทำภายใน 2 ปี แต่จะลดสายสีม่วงและสายสีแดง ซึ่งรัฐลงทุน 100% เป็นของขวัญปีใหม่ปีนี้ไปก่อน

ส่วนดิจิทัลวอลเล็ต 1 หมื่นบาท บอกว่าทำแน่ต้นปีหน้า แต่ยังไม่บอกเรื่อง 5.6 แสนล้านบาท จะหาจากไหน เช่นเดียวกับจะแจกรูปแบบไหนยังคลุมเครือ…กระเป๋าเงินดิจิทัล หรือเงินคริปโตที่ผู้คนยังสงสัยกังขา?

มาว่ากันถึงจุดอ่อนที่มองเห็นได้จากการประชุมครม.นัดปฐมฤกษ์ 13 ก.ย. 66 กันบ้าง!

เรื่องแรกเลยก็คือ การจัดให้โดยไม่มีใครร้องขอในเรื่องจ่ายเงินเดือนข้าราชการเป็น 2 งวด แทนการจ่ายในระบบปัจจุบันเพียงงวดเดียว ซึ่งผมบอกได้เลยว่าไม่เวิร์กหรอก

ไม่ก่อเกิดผลดีทั้งนายจ้าง-ลูกจ้าง หรือรัฐบาลกับข้าราชการ

ประสบการณ์ของข่าวหุ้นธุรกิจเคยทำมาแล้วทั้ง 2 รูปแบบ เริ่มจากความเห็นใจพนักงานที่เงินอาจจะขาดมือ เหมือนกับที่นายกฯ เศรษฐาคิดนี่แหละ

แต่เอาเข้าจริง เงินเดือนของทุกคนมันมาใช้เอาหนักตอนสิ้นเดือนต้นเดือน ที่ค่าบ้าน ค่าน้ำไฟ ค่าผ่อนงวดรถ ค่าใช้จ่ายภายในบ้าน ฯลฯ มันมารวมศูนย์ในเวลานี้หมด 

ขืนไปลดทอนเงินแบ่งครึ่ง พอปลายเดือนมาแรงก็แผ่ว ยิ่งหากใช้เงินเกินตัวไม่ระวัง พอสิ้นเดือนมาที่ต้องจ่าย มันก็หมดตูดเอาจริง ๆ นะ

ตอนใช้ระบบเงินเดือน 2 งวด ผมสังเกตดู พนักงานกลับไปกู้หนี้ยืมสินทั้ง กู้ข้างนอก กู้กันเอง และตั้งวงแชร์เพิ่มขึ้นนะ แต่เดี๋ยวนี้พอมาใช้ระบบ “งวดเดียว” ปัญหากู้หนี้ยืมสินก็น้อยลง พนักงานก็มีหน้าตาแจ่มใสขึ้น

ส่วนที่ทุกข์ยากแสนสาหัสที่สุดในระบบเงินเดือน 2 งวดก็คือนายจ้างครับ ยิ่งเดือนไหนไปเจอเอาวันนักขัตฤกษ์ติด ๆ กันอย่างช่วงสงกรานต์เนี่ย ในครึ่งแรกของเดือน เหลือวันทำงานเพียงแค่ 4-5 วัน จะไปเก็บรายได้ที่ไหนทัน 

นายจ้างก็ต้องหมุนเงินเลือดตาแทบกระเด็น มันเป็นการหาเรื่องทุกข์ร้อนใส่ตัวโดยไม่จำเป็น ทั้ง ๆ ที่เมื่อรอครบเดือนค่อยจ่าย เงินก็โฟลว์ไหลตามปกติ

สำหรับในภาครัฐบาล อย่าคิดว่าจ่ายเงินเดือน 2 งวด แล้วเงินรัฐบาลจะไม่ชอร์ตนะครับ ยิ่งขาดดุลงบประมาณเรื้อรังมา ก็ยิ่งต้องหมุนเงินเป็นระวิง

รัฐบาลถามกรมบัญชีกลาง ถามสำนักงบประมาณ และถามสำนักหนี้สาธารณะ ที่จะต้องออกบอนด์ถี่ยิบมาแล้วหรือยัง

ส่วนเรื่องที่ 2 ก็คือการแถลงข่าวของโฆษกป้ายแดง น.สพ.ชัย วัชรงค์ ซึ่งก็ดูเก๋าดีหรอก แต่ความลึกไม่รู้มีมากน้อยแค่ไหน

ท่านโฆษกฯ บอกว่า บรรดาคำสั่งคสช.ทั้งหลายที่ไม่ชอบธรรม รัฐบาลชุดนี้ซึ่งเป็น “รัฏฐาธิปัตย์” สามารถจะออกคำสั่งยกเลิกได้หมด

ประทานโทษ คุณหมอครับ คำสั่งคสช.หรือคำสั่งคณะรัฐประหารชุดใด มีฐานะเทียบเท่า “พ.ร.บ.” ครับ ฉะนั้นจะยกเลิกคสช.ต้องออกเป็นพ.ร.บ.ยกเลิกครับ หาใช่ใช้คำสั่งนายกฯ หรือครม.มายกเลิกได้ไม่

จุดอ่อนสำคัญคือ รัฐบาลนี้ยังไม่มีรัฐมนตรีที่เป็น “มือกฎหมาย” ครับ อันตรายจะเป็น “ปลาตายน้ำตื้น” ได้ง่าย ๆ จะไปหวัง “ทนายขนมปัง” ก็เหลวไหลเต็มที เพราะนั่นใครก็รู้ว่าเป็น “เด็กฯ ในบ้าน”

อย่าลืมเป็นอันขาดว่า รัฐบาลนี้บริหารงานอยู่บนริมบ่อจระเข้ อย่าได้ประมาทเป็นอันขาด

Back to top button