TLI เบี้ยประกันภัยทรงตัว

TLI รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 2/2566 มีกำไรสุทธิ 2,511.58 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 24.44% จากไตรมาส 2/2565 แต่ลดลง 19.73% จากไตรมาส 1/2566


คุณค่าบริษัท

บริษัท ไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) หรือ TLI โครงสร้างรายได้ตามประเภทธุรกิจ ณ สิ้นไตรมาส 2/2566 1.เบี้ยประกัน-Agent 56.93% 2.เบี้ยประกัน-Non-agent 22.8% 3.รายได้จากการลงทุนและอื่น ๆ 20.27% สัดส่วนพอร์ตเงินลงทุน ณ สิ้นไตรมาส 2/2566 1.ตราสารหนี้ 81.71% 1.1 พันธบัตรรัฐบาล 38.62% 1.2 หุ้นกู้เอกชน 33.38% 1.3 พันธบัตรของรัฐวิสาหกิจ 9.64% 2.ตราสารทุนและหน่วยลงทุน 2.1 ตราสารทุนและหน่วยลงทุนหุ้นในประเทศ 5.51% 2.2 หน่วยลงทุนหุ้นต่างประเทศ 6.09% 3.เงินให้กู้ยืมและดอกเบี้ยค้างรับ 5.41% 4.เงินสด 1.28%

TLI รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 2/2566 มีกำไรสุทธิ 2,511.58 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 24.44% จากไตรมาส 2/2565 แต่ลดลง 19.73% จากไตรมาส 1/2566 ที่มีกำไรสุทธิ 3,128.87 ล้านบาท กำไรที่เติบโตจากไตรมาส 2/2565 เป็นผลมาจากผลตอบแทนของการลงทุนที่เพิ่มขึ้น ตามพอร์ตการลงทุนที่ขยายมากขึ้น และมีกำไรจากการลงทุนมากกว่าปีที่แล้ว รวมถึงสัดส่วนการตั้งสำรอง (% reserve ratio) ลดลงหลังประกันสะสมทรัพย์มีสัดส่วนลดลง ขณะที่กำไรลดลงจากไตรมาส 1/2566 เนื่องจากกำไรจากการลงทุนที่ลดลง ทั้งนี้หากดู core operation ปรับดีขึ้นจากไตรมาส 1/2566 เพราะเบี้ยประกันรับรวมเพิ่มขึ้น

เบี้ยประกันภัยรับสุทธิที่ 20,309 ล้านบาท (ลดลง 6% จากไตรมาส 2/2565, แต่เพิ่มขึ้น 8% จากไตรมาส 1/2566) ลดลงจากไตรมาส 2/2565 เนื่องจากกรมธรรม์ครบกำหนดสัญญา โดยเฉพาะกลุ่มประกันสะสมทรัพย์ แต่ดีขึ้นจากไตรมาส 1/2566 ตามปัจจัยฤดูกาล (seasonality) ที่ยอดต่อประกันในไตรมาส 2 สูงกว่าไตรมาส 1 ด้านผลตอบแทนจากการลงทุนรวมที่ 4,601 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 6% จากไตรมาส 2/2565, ลดลง 11% จากไตรมาส 1/2566) ดีขึ้นจากไตรมาส 2/2565 ตามพอร์ตการลงทุนในตราสารหนี้มากขึ้น และกำไรจากการปรับพอร์ตการลงทุนมากขึ้น โดยรายได้จากการลงทุนสุทธิ (ดอกเบี้ยรับ) ที่ 4,436 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 4% จากไตรมาส 2/2565, เพิ่มขึ้น 3% จากไตรมาส 1/2566) และกำไรจากการลงทุนที่ 163 ล้านบาท (ขยายตัว 104% จากไตรมาส 2/2565, แต่ลดลง 81% จากไตรมาส 1/2566)

ด้าน Combined ratio หรือค่าใช้จ่ายทั้งหมดต่อเบี้ยประกันภัยรับรวม อยู่ที่ 107.6% (เทียบกับ 110.4% ในไตรมาส 2/2565 และ 107.4% ในไตรมาส 1/2566) ดีขึ้นจากไตรมาส 2/2565 จาก % Reserve ratio ที่ลดลงตาม product mix ที่ประกันสะสมทรัพย์ลดลง ขณะที่ทรงตัวจากไตรมาส 1/2566 ส่วน % VONB margin หรืออัตรากำไรของกรมธรรม์ใหม่ในไตรมาส 2/2566 อยู่ที่ 59.1% (เทียบกับ 56.2% ในไตรมาส 2/2565 และไตรมาส 1/2566) ดีขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาส 2/2565 และไตรมาส 1/2566 ตามกลยุทธ์ขายสินค้าประกันที่มีกำไรสูงขึ้น โดยประกันสัญญาเพิ่มเติมมีสัดส่วนมากขึ้น

ข้อมูลจาก Refinitiv Consensus สำหรับ TLI ระบุว่า ประมาณการรายได้รวมปี 2566 ที่ 111,863.23 ล้านบาท และประมาณการกำไรสุทธิปี 2566 ที่ 9,501.47 ล้านบาท โดยมีราคาเป้าหมายเฉลี่ยที่ 17.30 บาท จาก 6 โบรกเกอร์

บล.กรุงศรี พัฒนสิน ปรับกำไรปกติปี 2566-2568 (ประมาณการ) ลงราว 5-10% สะท้อนเบี้ยประกันภัยรับรวมที่ต่ำกว่าคาดเดิม เพราะมีกรมธรรม์หมดอายุ และทำให้พอร์ตการลงทุนโตน้อยกว่าคาดเดิม ทั้งนี้คาดกำไรสุทธิปี 2566 (ประมาณการ) ที่ 9.4 พันล้านบาท ทรงตัวใกล้เคียงปี 2565 จากการตั้งสำรองที่ลดลง สามารถชดเชยเบี้ยประกันที่ลดลงได้ ด้านบล.หยวนต้า ระบุว่าราคาหุ้นของ TLI ปรับลงจนอยู่ในระดับใกล้จุด All Time Low สะท้อนมุมมองเชิงลบของนักลงทุนในช่วงที่ทิศทางดอกเบี้ยใกล้จะสิ้นสุดขาขึ้นในรอบนี้ และปรับลดประมาณการกำไรสุทธิตั้งแต่ปี 2566 ลง เฉลี่ยปีละ 8.9% เพื่อสะท้อนถึงแนวโน้มผลดำเนินงานที่ต่ำกว่าประมาณการเดิม ประมาณการใหม่คาด TLI จะมีกำไรสุทธิปีนี้ที่ 9.74 พันล้านบาท โต 5.1% จากปี 2565

สำหรับการประเมินมูลค่า (Valuation) หุ้น TLI ราคาปัจจุบัน (ราคาปิดวันที่ 6 ต.ค. 2566 ที่ 11.80 บาท) ซื้อขายกันที่ P/E 14.86 เท่า ต่ำกว่า P/E กลุ่มประกันภัยและประกันชีวิตที่ 15.41 เท่า ส่วนค่า P/BV ของหุ้น TLI อยู่ที่ 1.34 เท่า สูงกว่า P/BV กลุ่มประกันภัยและประกันชีวิตที่ 1.33 เท่า

Back to top button