CMAN มีดีครบเครื่อง

ไขข้อสงสัยธุรกิจ “ปูนไลม์” ของ CMAN ที่ดำเนินเป็นธุรกิจหลักอย่างครบวงจร “รู้แล้วว้าว” แล้วนักลงทุนจะกลับมาสนใจแบบไม่รู้ตัว...ของดีต้องบอกต่อ!


คุณค่าบริษัท

ไขข้อสงสัยธุรกิจ “ปูนไลม์” ของบริษัท เคมีแมน จำกัด (มหาชน) หรือ CMAN ที่ดำเนินเป็นธุรกิจหลักอย่างครบวงจร “รู้แล้วว้าว” แล้วนักลงทุนจะกลับมาสนใจแบบไม่รู้ตัว…ของดีต้องบอกต่อ!

ทั้งนี้ ปูนไลม์ คือผลิตภัณฑ์ปูนขาว เป็นเคมีพื้นฐานที่เปรียบเสมือนสารเคมีตั้งต้น….โดยใช้ในอุตสาหกรรมหลายประเภท เช่น เหมืองแร่ (ทอง อะลูมิเนียม ทองแดง Rare earths อีกทั้ง นิกเกิล ลิเทียม ซึ่งเป็นวัตถุดิบในการผลิตแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้าและโทรศัพท์มือถือ) เหล็กและเหล็กกล้า การก่อสร้าง เยื่อกระดาษและกระดาษ น้ำตาล คอนกรีตมวลเบา พลาสติกชีวภาพ กำจัดมลพิษทางอากาศ การบำบัดน้ำเสีย แก้ว ขวดแก้ว ใยแก้ว อาหารสัตว์ การเกษตร เป็นต้น

สิ่งสำคัญ ปูนไลม์มีคุณสมบัติเป็นด่างที่ใช้ประโยชน์ได้มากมาย ราคาไม่แพง และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมอีกด้วย ดังนั้นจะเห็นได้ว่าปูนไลม์ของเคมีแมนแทรกซึมไปมีบทบาทในทุกกลุ่มอุตสาหกรรม และเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการผลิตสินค้าในชีวิตประจำวันที่ทุกคนไม่เคยรู้มาก่อน!!!

นอกจากนี้ ในปัจจุบัน CMAN เป็นผู้นำเบอร์ 1 ในอุตสาหกรรมปูนไลม์ของเอเชียแปซิฟิก และ Top10 ของโลก ด้วยกำลังการผลิตปูนไลม์รวมกว่า 1,200,000 ตันต่อปี และมีเป้าหมายเพิ่มกำลังการผลิตเป็นปีละ 2 ล้านตันเร็ว ๆ นี้ เพื่อไต่อันดับสู่ผู้ผลิตปูนไลม์ครบวงจร Top 5 ของโลกในอนาคต

โดยบริษัทเดินหน้าขยายกำลังการผลิต เร่งขยายฐานลูกค้าให้ครอบคลุมทั้งอุตสาหกรรมและประเทศที่กว้างขวางมากขึ้น เน้นเจาะตลาดเป้าหมายที่เติบโตสูงในเอเชียแปซิฟิก ร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจในการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการที่มีมูลค่าเพิ่มเพื่อสร้างฐานลูกค้าใหม่เข้ามาหนุนยอดขายในอนาคต

จากปัจจุบัน CMAN ส่งออกสินค้าประมาณ 60% ของกำลังการผลิตทั้งหมดไปยังกว่า 30 ประเทศในทวีปเอเชีย ออสเตรเลีย และแอฟริกา

ส่วนแนวโน้มธุรกิจในไตรมาส 4 ปี 2566 คาดว่าสดใส โดยความต้องการปูนไลม์ในประเทศจะเพิ่มขึ้น เนื่องจากเริ่มเข้าสู่ฤดูของอุตสาหกรรมน้ำตาล และคำสั่งซื้อของลูกค้าต่างประเทศที่เลื่อนมาจากไตรมาสก่อน นอกจากนี้ราคาพลังงานโลกที่ปรับตัวลง และการบริหารจัดการต้นทุนที่ดีต่อเนื่อง อาจส่งผลให้ต้นทุนสินค้าและบริการลดลง

ขณะที่ ผลการดำเนินงานงวด 9 เดือนแรกปี 2566 บริษัทมีกำไรสุทธิขยับขึ้นมาอยู่ที่ 165.25 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.99% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 151.62 ล้านบาท ถือเป็นเครื่องพิสูจน์ว่าบริษัทสามารถคงอัตราการทำกำไรที่มีประสิทธิภาพ ส่งผลให้ผลการดำเนินงานปี 2566 มีโอกาสทำสถิติสูงสุดใหม่ (ออลไทม์ไฮ) หากเทียบกับกำไรสุทธิปี 2565 อยู่ที่ 151.80 ล้านบาท และกำไรสุทธิในปี 2564 อยู่ที่ 98.32 ล้านบาท

สุดท้ายเมื่อพิจารณาส่วนของค่า P/E ที่ 10.97 เท่า รวมถึงค่า P/BV ที่ 0.75 เท่า แสดงว่าราคาหุ้นยังไม่แพง และที่สำคัญราคาหุ้นบนกระดานยังต่ำกว่ามูลค่าหุ้นทางบัญชีต่อหุ้น (บุ๊กแวลู) อยู่ที่ 2.52 บาท นั่นหมายความว่าราคามีโอกาสปรับตัวขึ้นได้อีกในอนาคต!!!

Back to top button