SISB เข้าตา ขยายศักยภาพรับนักเรียนเพิ่ม

SISB เป็นผู้ประกอบธุรกิจโรงเรียนนานาชาติ ซึ่งใช้หลักสูตรการศึกษาของประเทศสิงคโปร์เป็นหลักสูตรพื้นฐาน


เส้นทางนักลงทุน

บริษัท เอสไอเอสบี จำกัด (มหาชน) หรือ SISB เป็นผู้ประกอบธุรกิจโรงเรียนนานาชาติ ซึ่งใช้หลักสูตรการศึกษาของประเทศสิงคโปร์เป็นหลักสูตรพื้นฐาน โดยได้รับใบอนุญาตจัดตั้งโรงเรียนตามพระราชบัญญัติโรงเรียนเอกชน ซึ่งปัจจุบันถือเป็นธุรกิจโรงเรียนเพียงรายเดียวที่จดทะเบียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ฯ

SISB มีพัฒนาการทางด้านจำนวนนักเรียนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ประเมินว่าสิ้นปี 2566 จำนวนนักเรียนจะอยู่ที่ราว 4,200 คน เพิ่มขึ้นจากไตรมาส 3 ที่ผ่านมา ซึ่งมีจำนวน 4,125 คน เนื่องจากโรงเรียนใหม่ 2 แห่งที่นนทบุรีและระยอง ปัจจุบันมีนักเรียนราว 280 คน และ 107 คน เพิ่มขึ้นจากไตรมาส 3 ดังกล่าว ที่ 262 คน และ 96 คน ตามลำดับ

ในขณะที่ปี 2567 “ยิว ฮอค โคว” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร SISB มองการเติบโตของรายได้ไว้สูงถึง 30% จากจำนวนนักเรียนใหม่ที่เพิ่มขึ้น 600 คน ทำให้มีจำนวนนักเรียนทั้งสิ้น 4,700 คน สูงกว่าเป้าที่ตั้งไว้ 4,600 คน จากปีนี้ที่ตั้งไว้ 4,100-4,200 คน

ภายใต้แผนการขยายการรองรับ หรือ capacity seat อีกราว 1,350 ที่นั่ง ในปี 2567-2568 จากการขยายที่เชียงใหม่ 300 ที่นั่ง ในช่วงไตรมาส 1 ปีหน้า รวมทั้งที่ประชาอุทิศ 150 ที่นั่ง ช่วงไตรมาส 3 ปีหน้า และที่ธนบุรี 900 ที่นั่ง ซึ่งจะแล้วเสร็จภายในปี 2568 ทำให้จะมียอดรวม capacity seat ที่ราว 8,065 ที่นั่ง ในอีก 2 ปีข้างหน้า

SISB มีแผนเปิดโครงการ Halving project ซึ่งจะเป็นสาขาของโรงเรียนนานาชาติ SISB มีคุณภาพเทียบเท่า SISB ในย่านชานเมืองและหัวเมืองในต่างจังหวัด ในราคาค่าเทอมต่ำกว่าโรงเรียนอินเตอร์เต็มรูปแบบราว 40-50% หรือ 3 แสนบาท จากปัจจุบันค่าเทอมของ SISB เฉลี่ยอยู่ที่ 5-6 แสนบาท รวมทั้งผู้บริหารประเมินว่าในปี 2567 ยังสามารถปรับขึ้นค่าเทอมได้ในกรอบ 3-5%

ในมุมมองของโบรกเกอร์ยังมองบวกต่อ SISB โดยบริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ดาโอ (ประเทศไทย) ประมาณการกำไรปี 2566 ที่ 673 ล้านบาท เติบโต 84% จากปีก่อน ทั้งนี้แนวโน้มไตรมาส 4 นี้ คาดโตได้ทั้งจากงวดปีก่อนและงวดไตรมาสก่อน หลัก ๆ คือการรับรู้ผลบวกจากการปรับขึ้นค่าเทอมประจำปีเต็มไตรมาส และผลประกอบการที่ดีขึ้นของ 2 โรงเรียนแห่งใหม่ จำนวนนักเรียนเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง และการขยาย capacity seat ยังเป็นไปตามแผน ผู้คนสนใจเรียนหลักสูตรนานาชาติมากขึ้นในอนาคต และประโยชน์จากต่างชาติย้ายฐานมาไทยโดยเฉพาะจากประเทศจีน ซึ่ง SISB เป็นหนึ่งในโรงเรียนนานาชาติไม่กี่แห่งที่มีภาษาจีนร่วมในหลักสูตรหลัก ให้ราคาเป้าหมายที่ 40 บาท แนะนำ “ซื้อ”

ส่วนบล.ฟินันเซีย ไซรัส มีมุมมองคือ ความต้องการการศึกษาระบบนานาชาติที่เพิ่มขึ้นเป็นผลดีต่อ SISB ปัจจุบันโรงเรียน 3 แห่ง ที่ประชาอุทิศ, ธนบุรี และเชียงใหม่ มีนักเรียนคิดเป็นประมาณ 80% ของความสามารถในการรองรับนักเรียนรวม และมีบางห้องเรียนที่มีนักเรียนมากเกินความสามารถในการรองรับฯ จึงต้องเดินหน้าขยายโรงเรียนเดิมตามแผน

ผู้บริหารคาดว่าตัวเลขนักเรียนจะมีเพิ่ม 400 คนต่อปี ในช่วง 3 ปีข้างหน้า ซึ่งจะทำให้จำนวนนักเรียนเมื่อเทียบกับความสามารถในการรองรับฯ อยู่ที่ 67% ในปี 2569

ภายหลังการก่อสร้างและซื้อที่ดินสำหรับโรงเรียนแห่งใหม่แล้วเร็จ คาดว่าโรงเรียนทั้ง 6 แห่งจะให้ EBITDA อยู่ที่ 801 ล้านบาท ในปี 2566 และเพิ่มเป็น 1.1 พันล้านบาท ในปี 2568 และเป็น 1.3 พันล้านบาท ในปี 2569 ซึ่งกระแสเงินสดจากการดำเนินงานมีมากเกินพอที่จะใช้เป็นเงินทุนรองรับแผนการขยายดังกล่าว

ผู้บริหารยังมีความสนใจในการขยายโรงเรียนนานาชาติเข้าไปในที่ที่มีความต้องการ แต่ผู้ปกครองและเด็กนักเรียนเข้าไม่ถึง หรือเรียกว่า “Halving Project” ที่ออกแบบมาเพื่อนำเสนอภาษาอังกฤษในฐานะที่เป็นภาษาของการเรียนรู้ในราคาที่ไม่แพง ยังอยู่ระหว่างดำเนินการ ทั้งนี้โครงการดังกล่าวจะไม่เพียงแต่ให้ทางเลือกสำหรับครอบครัวในเขตรอบนอกของกรุงเทพฯ หรือต่างจังหวัด แต่ยังจะสามารถใช้ประโยชน์จากจุดแข็งของ SISB อีกด้วย

ดังนั้น ในเบื้องต้นคาดกำไรในไตรมาส 4 ปี 2566 นี้จะอยู่ที่ประมาณ 190-200 ล้านบาท เติบโต 50% จากไตรมาสก่อน และคงประมาณการเติบโตของกำไรที่ 46% และ 18% จากปีก่อน ในปี 2567-2568 แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 42 บาท

บล.แซด คอม ระบุว่า แนวโน้มไตรมาส 4 นี้ น่าจะเห็นการฟื้นตัวของกำไรขึ้นมาอยู่เหนือระดับไตรมาส 1 และ 2 ของปี 2566 ได้ เนื่องจากไม่มีค่าใช้จ่าย One-time จาก Campus ใหม่, จำนวนเดือนในการรับรู้รายได้และค่าใช้จ่ายที่สอดคล้องกัน และการปรับขึ้นค่าเรียนเฉลี่ยราว 5% ในการเข้าสู่ปีการศึกษาใหม่

ในขณะที่ปี 2567 คาดว่าสาขาใหม่จะทยอยมีผลขาดทุนที่ลดลงจากการทยอยไหลเข้ามาของกลุ่มนักเรียนจีน เนื่องจากนโยบายการกีดกันการสอนภาษาอังกฤษภายในประเทศ รวมถึงโรงเรียนยังคงแผนการขยาย Capacity ไม่ขาด

ทั้งนี้ แม้กำไร 9 เดือนแรกปีนี้ คิดเป็นสัดส่วนราว 70% ของประมาณการกำไรทั้งปี 2566 แต่คาดการณ์ว่าไตรมาส 4 มีแนวโน้มทำจุดสูงสุดของปี จึงยังคงประมาณการกำไรปี 2566-2567 เติบโต 71% และ 36% จากปีก่อน ตามลำดับ อิงมูลค่าในปี 2567 ปรับไปใช้ราคาเหมาะสมใหม่อยู่ที่ 36 บาท แนะนำ “ถือ”

จากการขยายศักยภาพเพื่อรองรับจำนวนนักเรียนเพิ่มขึ้น ทำให้มุมมองของโบรกเกอร์ที่มีต่อ SISB เป็นบวกมากขึ้น

Back to top button