COM7 สัญญาณรอยแยก.!

มาด้วยกัน ไปด้วยกัน เลือดสุพรรณเอ๋ย แหม๊ ได้ยินเนื้อร้องท่อนนี้ทีไร ก็มักจะคิดถึงคู่หูดูโอ “หมอพงศ์ศักดิ์” กับ “เสี่ยสุระ” ที่ไปไหนก็ไปด้วยกันเสมอ


…มาด้วยกัน ไปด้วยกัน เลือดสุพรรณเอ๋ย..แหม๊..ได้ยินเนื้อร้องท่อนนี้ทีไร ก็มักจะคิดถึงคู่หูดูโอ “หมอพงศ์ศักดิ์ ธรรมธัชอารี” กับ “เสี่ยสุระ คณิตทวีกุล” ที่ไปไหนก็ไปด้วยกันเสมอ เรียกว่าถ้าเห็นชื่อ “หมอพงศ์ศักดิ์” ก็มักเห็นชื่อ “เสี่ยสุระ”…เห็นชื่อ “เสี่ยสุระ” ก็มักเห็นชื่อ “หมอพงศ์ศักดิ์” ตลอด ๆ ๆ ทั้งหุ้นไอพีโอและหุ้นของบริษัทต่าง ๆ…

ว่ากันว่า ตอนนี้ถือหุ้นร่วมกัน 8 บริษัทเลยนะ ส่วนจะเป็นบริษัทไหนบ้าง..? ถ้าอยากรู้ ลองไปค้นข้อมูลกันดูละกัน…

ที่สำคัญมาดูโครงสร้างผู้ถือหุ้นบริษัท คอมเซเว่น จำกัด (มหาชน) หรือ COM7 ยังมีชื่อ “เสี่ยสุระ” ถือหุ้นใหญ่เบอร์ 1 จำนวน 601.31 ล้านหุ้น คิดเป็น 25.05% ตามมาด้วย “หมอพงศ์ศักดิ์” ถือหุ้นใหญ่เบอร์ 2 จำนวน 480.91 ล้านหุ้น คิดเป็น 20.16% ด้วยนะ

แต่ก็แปลกนะ ที่จู่ ๆ เมื่อวันศุกร์ที่ 23 ก.พ. 2567 “หมอพงศ์ศักดิ์” ก็ขายหุ้น COM7 ออกมา โดยตัดขายหุ้นจำนวน 10.97 ล้านหุ้น หรือคิดเป็น 0.4598% ส่งผลให้เหลือถือหุ้นจำนวน 469.85 ล้านหุ้น คิดเป็น 19.7003%

ส่วนจะขายที่ราคาไหน…? อันนี้มิอาจทราบได้

แต่ถ้าไปดูความเคลื่อนไหวของราคาหุ้นในวันดังกล่าว ซึ่งเปิดตลาดที่ 21 บาท ระหว่างวันปรับขึ้นไปสูงสุด 21.50 บาท และปรับลงต่ำสุดที่ 20.60 บาท ก่อนจะปิดตลาดที่ 20.90 บาท ปรับลดลง 1.60 บาท หรือปรับลดลง 7.11% ด้วยมูลค่าการซื้อขายที่สูงกว่า 1,601.80 ล้านบาท…ก็น่าสนใจ

โอเค…สัดส่วนที่ขายอาจไม่เยอะ แต่มูลค่าก็ไม่น้อยนะ ถ้าคิดจากราคาต่ำสุดของวันดังกล่าว จะมีมูลค่าราว 225.90 ล้านบาท หรือถ้าคิดจากราคาสูงสุดของวัน ก็อยู่ที่ 235.77 ล้านบาท เลยนะ

ลองไปเดากันดูละกัน ระดับเซียนหุ้น “หมอพงศ์ศักดิ์” ขายหุ้นทั้งที จะเลือกขายที่ราคาไหน..?? แต่ไม่ว่าจะขายที่ราคาไหน..?? ก็เป๋าตุงอยู่ดี..!!

ว่าแต่มีสัญญาณรอยแยกอะไรหรือเปล่า..?? มาด้วยกัน ทำไมไปก่อนล่ะ..??

เอ๊ะ…หรือ “หมอพงศ์ศักดิ์” มีความจำเป็นต้องใช้เงินเร่งด่วน..!? อันนี้ก็ไม่รู้สินะ

แต่ก็น่าขบคิด การขายหุ้นครั้งนี้ เป็นเพราะผลประกอบการที่น่าผิดหวังอ๊ะป่าว..??

โดยในไตรมาส 4/2566 COM7 รายงานกำไรสุทธิที่ 668 ล้านบาท ลดลง 27% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่เพิ่มขึ้น 9% จากไตรมาสก่อน ซึ่งต่ำกว่าที่ตลาดคาด เนื่องจาก 1)รายได้ที่ขยายตัวต่ำตามการบริโภคที่ชะลอตัว 2)อัตรากำไรขั้นต้น (GPM) ลดลงเป็น 11.6% ซึ่งต่ำเป็นประวัติการณ์ จากกิจกรรมส่งเสริมการขายในช่วงปลายปี และ 3)ค่าใช้จ่ายดำเนินงานที่เพิ่มขึ้น

ส่งผลให้งบงวดปี 2566 มีกำไรสุทธิ 2,857 ล้านบาท ลดลง 5.9% จากปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 3,037 ล้านบาท และมีรายได้จากการขายและการให้บริการ 69,559 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.9% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้จากการขายและการให้บริการ 62,732 ล้านบาท ซึ่งเป็นอัตราการเติบโตที่น้อยกว่าที่คาดการณ์ไว้อีกนั่นแหละ

สาเหตุมาจากการบริโภคที่ชะลอตัว ขณะที่ช่วงเวลาในการประกาศมาตรการ Easy E-Receipt ค่อนข้างเร็ว เมื่อเทียบกับปีที่ผ่าน ๆ มา ทำให้ผู้บริโภคบางส่วนชะลอการซื้อเพื่อรอมาตรการจากภาครัฐ ประกอบกับเทคโนโลยีที่มีการพัฒนามากขึ้น ทำให้อายุการใช้งานผลิตภัณฑ์ยาวนานขึ้น อัตราการเปลี่ยนอุปกรณ์จึงลดลง

เลยทำให้นักลงทุนเกิดอาการเซ็งเป็ดไปตาม ๆ กัน หนึ่งในนั้นอาจรวม “หมอพงศ์ศักดิ์” ด้วยละมั้ง..!? เลยขายหุ้นออกมา

ไม่รู้ล่ะ.!! จะมาด้วยกัน จะไปคนเดียวหรือจะไปทั้งคู่…อย่าลืมว่า แม้จะไม่ใช่เลือดสุพรรณ แต่ทั้งคู่ก็มาด้วยกัน ไปด้วยกันเสมอนะ..!?

…อิ อิ อิ…

Back to top button