จบแล้วครับนาย!

เดี๊ยนจั่วหัวแบบนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่องการเมือง และไม่ได้เม้าท์ถึง “โทนาฟ”..อุ๊ย..“โทนี” แต่อย่างใด


เดี๊ยนจั่วหัวแบบนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่องการเมือง และไม่ได้เม้าท์ถึง “โทนาฟ”..อุ๊ย..“โทนี” แต่อย่างใด เพราะได้เห็นธาตุแท้ของคนการเมืองมันมีแต่เรื่องผลประโยชน์ และคิดถึงแต่ตัวเองกันทั้งนั้น จึงกล้าทำเรื่องบัดสีโดยใช้ช่องโหว่ทางกฎหมายมาเป็นเกราะกำบัง ซึ่งทำให้ผู้คนมากมายเอือมระอามากขึ้นเรื่อย ๆ และตัวอีฉันเองก็เริ่มชินชากับเรื่องพรรค์นี้มากขึ้นเรื่อย ๆ พะย่ะค่ะ

สาเหตุที่ทำให้ “โมนิก้า” รู้สึกเช่นนั้นไม่ได้เกิดจากการยอมแพ้พวกหัวขวดเหล่านั้น แต่เป็นเพราะคนเหล่านั้นยังลอยหน้าลอยตาแบบไม่กระดากใจแม้แต่นิดเดียว จึงไม่อยากเสียเวลาเม้าท์ถึงคนเหล่านั้นอีก (เทียบฟอร์มลุงตู่ กับรัฐบาลเสี่ยนิดแล้ว เพลียใจเหลือเกิน แถมวานนี้มีเรื่องยุบพรรคก้าวไกลอีก มันจะวุ่นวายกันไปถึงไหนเนี่ย) จึงขอเอาเวลามาเม้าท์สถานการณ์ของตลาดหุ้นดีกว่า เพราะอาการแกว่งตัวตุปัดตุเป๋วานนี้ เหมือนบอกเป็นนัยว่า หมดแรงเจ้าค่ะ

ผนวกกับวันก่อน “โมนิก้า” เพิ่งจั่วหัวออกไปว่า “ไม่ขึ้น..ก็เกม” จึงอยากต่อยอดเรื่องดังกล่าวอีกสักหน่อย เพราะบรรยากาศลงทุนแบบนี้ มันทำให้เดี๊ยนอึดอัดใจอย่างแรง จนพรายกระซิบพูดกรอกหูทุกวันว่า “จบแล้วครับนาย” หลังมองไม่เห็นโอกาสที่ดัชนีจะทะยานทะลุแนวต้าน 1,400 จุดแบบแข็งแกร่ง หรืออย่างดีสุดในช่วง 1 เดือนนับจากนี้ก็คือ แกว่งตัวไปวัน ๆ และอาจมีบางวันที่ขึ้นแรงบ้าง แต่สุดท้ายก็ซึมลงมาน่ะซี

ด้วยเหตุนี้ถึงอยากให้แฟนคลับประเมินการยืนปิดของดัชนีที่ระดับ 1,379.63 จุด ลบไป 0.60 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 4.09 หมื่นล้านบาท สื่ออะไรให้นักเล่นได้รู้บ้าง? และเป็นเหตุการณ์ที่นักเล่นพบบ่อยไหม? เพราะคำตอบในส่วนนี้จะบอกให้นักลงทุนรู้ว่า ควรทำตัวอย่างไร? รวมทั้งหุ้นบางตัวที่มีอาการคอตกลงเรื่อย ๆ มันเป็นจังหวะที่นักเล่นต้องคิดทบทวนก่อนเข้าไปช้อนหุ้นนะจะบอกให้

โดยเฉพาะอาการร่วงแรงทั้งที่มีข่าวดีของหุ้น BWG มันเป็นสถานการณ์ที่บีบคั้นหัวใจอย่างหนัก เพราะใคร ๆ ก็มองว่า หุ้นน่าจะไปต่อแบบยาว ๆ แต่ดันโดนทุบแบบไม่สนอะไรทั้งสิ้น จนสุดท้ายหุ้นยืนปิดที่ระดับ 0.54 บาท ลบไป 0.09 บาท หรือลงไป 14.30% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 219 ล้านบาท “โมนิก้า” มองเป็นเรื่องที่น่าผิดหวังอย่างแรง และไม่ควรเข้าไปยุ่งเกี่ยวหากไม่ไวพอ เพราะพวกนกรู้เปิดตูดทันที เมื่อข่าวจริงปรากฏแบบนี้..เขาเรียกว่า วางงานจ้า!

ส่วนรายที่งานเข้าแบบรัว ๆ และไม่มีวันจะกลับมาเหมือนเดิมอย่างหุ้น NUSA ก็เป็นเคสตัวอย่างที่ทำให้นักเล่นต้องพึงระวังไว้มาก ๆ เพราะในยามที่ผู้บริหารทั้ง 2 ฝั่งจูบปากกันอย่างดูดดื่ม อะไรก็ดูสวยงามไปหมดทุกด้าน แต่ทันทีที่ผลประโยชน์ไม่ลงตัวขึ้นมา ก็ทำให้อะไรหลายอย่างวายป่วงไปตามกัน และการที่หุ้นทรุดตัวลงมาปิดที่ 0.44 บาท ลบไป 0.02 บาท หรือลงไป 4.35% ด้วยวอลุ่มที่แห้งเหือด เขาเรียกว่า ไม่มีใครเอา? นะตัวเอง

สถานการณ์ข้างต้นทำให้ “โมนิก้า” นึกถึงหุ้น PSTC ขึ้นมาทันที เพราะสถานการณ์ของธุรกิจก็ไม่สู้ดี และสถานการณ์ของตัวหุ้นก็ค่อนข้างแย่ แถมยังมีเรื่องเพิ่มทุนเป็นประเด็นที่ค้ำคอแบบนี้ มันช่างดูมืดมนเสียเหลือเกิน และการที่หุ้นไหลลงมาเรื่อย ๆ จึงไม่ต่างกับสถานการณ์ของหุ้นข้างต้น เดี๊ยนถึงมองว่า การยืนปิดที่ระดับ 0.51 บาท บวกไป 0.01 บาท หรือขึ้นไป 2% ด้วยวอลุ่มที่กระจิริด จึงไม่มีความหมายเจ้าค่ะ

เปรียบได้กับหุ้นที่โลกลืมอย่าง KOOL ก็เป็นช็อตที่ทำให้ “โมนิก้า” มองเป็นไก่ตาแตกเช่นกัน เพราะจำได้ว่า เริ่มเข้าหน้าร้อนทีไร หุ้นตัวนี้มักถูกเจ้ามือหยิบขึ้นมาเล่นเป็นประจำ แต่ปีนี้กลับเงียบเป็นเป่าสากเสียอย่างนั้น รวมทั้งปีที่ผ่านมาก็ทำผลงานได้ค่อนข้างดี แต่ราคาหุ้นก็เอาแต่มุดหัวลงเป็นส่วนใหญ่แบบนี้ เดี๊ยนถึงมองว่า การยืนปิดที่ระดับ 0.40 บาท ลบไป 0.02 บาท หรือลงไป 4.75% ด้วยมูลค่าการซื้อขายที่เบาเป็นปุยนุ่น มันคือการรูดม่านตั้งแต่หัวปีนะคะ

ตบท้ายกันที่น้องเขียว GREEN หลังมีเสียงกระซิบมาแต่ไกลว่า เที่ยวนี้ก็คงลากไปออกของอีกตามเคย เพราะในมุมของพื้นฐาน ก็ยังมีลักษณะลุ่ม ๆ ดอน ๆ แต่ในมุมของราคาหุ้น กลับสุดสวิงริงโก้เสียอย่างนั้น เขาเลยสงสัยกันว่า การขึ้นมาปิดที่ระดับ 1.20 บาท บวกไป 0.10 บาท หรือขึ้นไป 9.10% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 69 ล้านบาท มันเป็นการเคาะกะลาเรียกแขกอะป่าว? หรือมีอะไรดีก็ช่วยบอกหน่อย..อิอิอิ

Back to top button