สังคมข่าวหุ้น

ตลาดหุ้นไทยเมื่อ 11 เม.ย.ที่ผ่านมา แกว่งผันผวนในเชิงลบ สอดคล้องกับตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชีย รับแรงกดดันบอนด์ยีลด์พันธบัตรสหรัฐฯ เร่งตัวขึ้น


ตลาดหุ้นไทยเมื่อวันที่ 11 เม.ย.ที่ผ่านมา แกว่งผันผวนในเชิงลบ สอดคล้องกับตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชีย รับแรงกดดันจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ (บอนด์ยีลด์) เร่งตัวขึ้น ประกอบกับในช่วงบ่ายเผชิญแรงขายลดสถานะ-ลดความเสี่ยงก่อนเข้าหยุดยาวหลายวันช่วงเทศกาลสงกรานต์

บล.โนมูระ พัฒนสิน มองตลาดหุ้นไทยจะค่อย ๆ ฟื้นตัวต่อเนื่อง แนะเป็นโอกาสซื้อหุ้นรอหลังสงกรานต์ เนื่องจากมองว่าเศรษฐกิจไทยกำลังเร่งตัวแบบขั้นบันได และจะมีมาตรการยกระดับความเชื่อมั่นตลาดทุนทยอยออกมาเสริม โดยเฉพาะการเฮียริ่งเพิ่มกลไกตรวจสอบชอร์ตเซล และการวางออเดอร์ของ HFT ไม่ให้ไวเกินไป จะแล้วเสร็จในวันที่ 21 เม.ย.นี้ ส่วนสัปดาห์นี้ตลาดหุ้นไทยจะเปิดทำการวันนี้ (17 เม.ย.) เชื่อว่ามีโอกาสกลับมายืนเหนือ 1,400 จุดได้ ให้แนวรับไว้ที่ 1,390 จุด และแนวต้าน 1,420-1,430 จุด

เรื่องนี้ฮอตไม่แพ้อากาศเลยเจ้าค่ะ เพราะราคาทองโลกปั่นป่วนช่วงสงกรานต์ ท่ามกลางความเสี่ยงสุดตึงเครียดในตะวันออกกลางหนุนราคาทองคำโลก ปรับขึ้นมาที่ระดับ 2,360 ดอลลาร์ต่อออนซ์ จากระดับบริเวณ 2,340 ดอลลาร์ต่อออนซ์ก่อนเริ่มโจมตี การส่งสัญญาณเช่นนี้ทำให้ทองคำยังเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย และเปิดหลังสงกรานต์ มีลุ้นราคาทองไทยพุ่งออลไทม์ไฮใหม่ต่อเนื่อง

ไม่ใช่แค่ทองคำที่น่าจับตา เจ๊ว่า “บิตคอยน์” ก็น่าลุ้นนะเจ้าคะ ซึ่งมีนักวิเคราะห์หลายคนมองว่า อุตสาหกรรมคริปโต อาจกำลังเข้าสู่ภาวะกระทิงครั้งใหม่จาก “bitcoin Having” และ “การอนุมัติกองทุนคริปโต” โดยบิตคอยน์ปรับตัวเพิ่มขึ้น 59.08% ตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบัน ขึ้นไปแตะที่ 70,267.90 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นการทำนิวไฮใหม่ก่อนเกิด Bitcoin Halving แต่ก็มาพร้อมความผันผวนสูงเช่นกันนะเจ้าคะ

รัฐบาลยืนยัน “ดิจิทัลวอลเล็ต” จะเริ่มให้ลงทะเบียนในไตรมาส 3/2567 และ สามารถใช้ได้ตั้งแต่ไตรมาส 4/2567 เป็นเวลา 6 เดือน แหล่งที่มาของเงินทุนประกอบด้วยการจัดสรรจากงบประมาณปี 2567-2568 และจากมาตรการกึ่งการคลังตามมาตรา 28 บล.กสิกรไทย คาดว่าธุรกิจขนาดเล็กจะเป็นผู้ได้ประโยชน์หลักของโครงการนี้ ในขณะที่บริษัทกลุ่มค้าปลีกจดทะเบียนในตลาดฯ อาจได้รับผลเชิงบวกทางอ้อม ซึ่งก็หนีไม่พ้น 4C อย่าง CPALL, CRC, CPAXT และ COM7

อีกกลุ่มที่มาแรงไม่แพ้กลุ่มค้าปลีก คงหนีไม่พ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ โดย บล.ซีจีเอส อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด เชื่อว่าการที่รัฐบาลอนุมัติมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านภาคอสังหาฯ จะส่งผลดีต่อผู้ประกอบการที่เน้นโครงการระดับกลาง โดยการปรับเพิ่มเพดานราคาที่อยู่อาศัยที่ได้รับสิทธิลดค่าโอนและค่าจดจำนองเป็น 7 ล้านบาท จะส่งผลดีต่อบริษัทอสังหาฯ ที่มีโครงการระดับกลางจำนวนมาก (3-7 ล้านบาท/ยูนิต) เนื่องจากลูกค้าของโครงการกลุ่มนี้มีกำลังซื้อสูงกว่า และสามารถเข้าถึงสินเชื่อบ้านได้มากกว่าลูกค้าของโครงการโลว์-เอนด์ จึงคาดว่า SPALI, AP, ANAN, SIRI, QH และ PSH น่าจะได้ประโยชน์มากที่สุดจากมาตรการของรัฐ

บมจ.เทอร์ราไบท์ พลัส (TERA) ปลื้ม ขาย IPO เกลี้ยง 90 ล้านหุ้น เหตุนักลงทุนมั่นใจศักยภาพการเติบโต แถมราคาไอพีโอ 1.75 บาท เป็นราคาที่เหมาะสมด้วย P/E น่าสนใจเทียบในอุตสาหกรรมเดียวกัน พร้อมเข้าเทรด mai วันที่ 24 เม.ย. 2567

ฝ่ายวิจัยตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ระบุว่า จากการพิจารณาค่าเฉลี่ยผลตอบแทนจากเงินปันผลในช่วง 3 ปีล่าสุด 2562-2566 ของบริษัทจดทะเบียนทุกบริษัท พบว่า 10 หลักทรัพย์จากทั้งหมด 30 หลักทรัพย์ที่เป็นองค์ประกอบของ SETHD Index มีอัตราผลตอบแทนจากการจ่ายเงินปันผลเฉลี่ย 3 ปี สูงกว่า 5% ต่อปี โดย STGT นำโด่ง 22.10% ตามมาด้วย RCL อยู่ที่ 16.49%, STA อยู่ที่ 13.12%, TASCO อยู่ที่ 7.56%, TISCO อยู่ที่ 7.18%, TCAP อยู่ที่ 7.09% และ LH อยู่ที่ 6.03% อันนี้เจ๊คัดมาจุก ๆ แบบปันผลเฉลี่ย 3 ปี เกิน 6% ให้แล้วนะเจ้าคะ

การเล่นหุ้นช่วงนี้ดูแล้วไม่ง่ายเลย เจ๊ว่าท่านผู้อ่านก็คงคิดเหมือนเจ๊ แต่ทุกอย่างมีขึ้นก็ต้องมีลง มีลงก็ต้องมีขึ้น ขอเพียงเราอดทน ท้ายนี้เจ๊อยากจะฝากความห่วงใยถึงท่านผู้อ่าน “ข่าวหุ้นธุรกิจ” ที่น่ารักของเจ๊ ดูแลสุขภาพกันด้วยนะเจ้าคะ ตอนนี้อากาศร้อนมาก จิบน้ำบ่อย ๆ พยายามอย่าเดินตากแดดนาน ๆ นะเจ้าคะ เจ๊เป็นห่วงงงง

Back to top button