MTC หุ้นที่ควรเข้าซื้อในมุมของนักวิเคราะห์

ราคาของหุ้นปล่อยสินเชื่อส่วนบุคคลอย่าง MTC ในสายตาของนักวิเคราะห์ทุกสำนักล้วนมองไปในเชิงบวกที่มีมุมมองว่าราคาปัจจุบันที่ใต้ 50 บาทล้วนเป็นราคาที่ต่ำเกินไป


ราคาของหุ้นปล่อยสินเชื่อส่วนบุคคลอย่าง บริษัท เมืองไทย แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) หรือ MTC ในสายตาของนักวิเคราะห์ทุกสำนักล้วนมองไปในเชิงบวกที่มีมุมมองว่าราคาปัจจุบันที่ใต้ 50 บาทล้วนเป็นราคาที่ต่ำเกินไป จากเหตุผลที่กำไรสุทธิไตรมาสแรกของปีนี้ทำได้ดีเกินคาดมาก

คำแนะนำให้ซื้อจึงไม่มีเหตุผลควรต่อต้านแต่อย่างใด เมื่อเห็นว่ากำไรสุทธิไตรมาสแรกทำได้ดีตามที่คาดหมายซึ่งทำให้โอกาสจะบรรลุเป้าหมายกำไรสุทธิทั้งปีนี้ที่ระดับ 6 พันล้านบาทหรืออัตราเติบโตของกำไรสุทธิที่ 21% เป็นไปได้สูงมาก

ถึงแม้ว่าอัตราการเติบโตของรายได้จะลดลงเนื่องจากภาวะเศรษฐกิจไทยที่เติบโตช้า แต่ความสามารถของบริษัทในการควบคุมปัญหาหนี้เสียที่ดีขึ้นได้กลายเป็นจุดแข็งที่ทำให้กำไรสุทธิเพิ่มขึ้นอย่างโดดเด่น

อัตรากำไรสุทธิของบริษัทที่ระดับ 30% ถือเป็นอัตรากำไรที่ดีที่สุดนับแต่เข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้นเมื่อหลายปีก่อน  ถ้าหากว่าภายในปีนี้แบงก์ชาติไม่ออกมาตรการสกัดกั้นโอกาสในการเข้าทำกำไรโดยผ่านนโยบายแก้ปัญหาหนี้สินครัวเรือนที่พุ่งขึ้นจนน่ากังวล

ผลประกอบการของ MTC ที่มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 1.4 พันล้านบาทในไตรมาสแรกของปีนี้เกิดจากการคุม NPL ซึ่งทำให้ค่าใช้จ่ายสำรองฯ (credit cost) ชะลอตัวลง

แม้บริษัทจะเผชิญปัญหาสินเชื่อชะลอตัว และ margin ลดลง แต่การที่อัตราการเติบโตของบริษัทยังคงเกิน 17% เมื่อเทียบกับระยะเดียวกันกับปีก่อน โดยส่วนใหญ่มาจากสินเชื่อที่มีมาร์จิ้นต่ำ ดังนั้นมาร์จิ้นรวมจึงลดลงเล็กน้อย กดดันให้ผลตอบแทน (yield) สินเชื่อลดลงเล็กน้อย ในขณะที่ต้นทุนการเงินเพิ่มขึ้นในอัตราที่ชะลอตัวลงอย่างมีนัยสำคัญ

ปัญหา NPLs  และ credit cost ที่ลดลงกลับกลายเป็นจุดสำคัญที่ทำให้ อัตราส่วนหนี้เสียที่เคยมีค่าเฉลี่ยที่ 3.5% ในปี 2566 ลดต่ำลงไปอีก และยังหนุนให้สัดส่วน NPL coverage เพิ่มขึ้นเป็น 114% (จาก 105% ในปี 2566) ซึ่งน่าจะถือเป็นแนวโน้มบวกในแง่ของคุณภาพสินทรัพย์ ซึ่ง NPL ที่ลดลงจะทำให้ประมาณการกำไรปี 2567 มีอัพไซด์

การตั้งสำรองที่ลดลงจะทำให้สัดส่วนหนี้สินต่อทุนของบริษัทหรือค่า D/E ทรงตัวอยู่ที่ 3.6 เท่า

สินเชื่อที่ชะลอตัวช่วยรักษาสัดส่วน D/E แต่ในทางกลับกันจะกลายเป็นแรงกดดันให้ผู้บริหารต้องเพิ่มรายได้ใหม่โดยบริษัทจำเป็นต้องขยายสินเชื่อระยะยาวประมาณ 20%

เนื่องจากมีการปรับเพิ่มประมาณการอัตราการขยายตัวของ GDP ในไตรมาสต่อ ๆ ไป และ กำไรสุทธิของ MTC ในปี 2567 ที่ 25% ของประมาณการกำไรเต็มปี ดังนั้น ประมาณการกำไรที่เพิ่มขึ้นทำให้นักวิเคราะห์คาดหมายว่าราคาหุ้นจะยังมี upside อีก และอาจจะปรับเพิ่มราคาเป้าหมายขึ้น

มุมมองเชิงบวกของนักวิเคราะห์ทำให้ราคาหุ้น MTC จากนี้ไปดูสดใสมากขึ้น

วิษณุ โชลิตกุล

Back to top button