พาราสาวะถี

ชัดเจนแล้วว่าการลาออกของ พิชิต ชื่นบาน จากตำแหน่งรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี มีผลในแง่กระบวนการพิจารณารับคำร้องของ 40 สว.


ชัดเจนแล้วว่าการลาออกของ พิชิต ชื่นบาน จากตำแหน่งรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี มีผลในแง่กระบวนการพิจารณารับคำร้องของ 40 สว.ที่ยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย หลังจากที่วานนี้ที่ประชุมตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ มีมติ 8 ต่อ 1 ไม่รับคำร้องในส่วนที่เป็นการวินิจฉัยคุณสมบัติความเป็นรัฐมนตรีของพิชิตเนื่องจากได้มีการลาออกจากตำแหน่งไปแล้ว แต่มีมติ 6 ต่อ 3 รับคำร้องในส่วนการพิจารณาความเป็นนายกรัฐมนตรีของ เศรษฐา ทวีสิน สิ้นสุดลงหรือไม่ จากการแต่งตั้งพิชิตให้เป็นรัฐมนตรี 

ที่มีการลุ้นกันมากที่สุดคงเป็นกรณีที่ว่า เมื่อรับเรื่องไว้พิจารณาแล้วจะมีคำสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่หรือไม่ ที่ประชุมมีมติ 5 ต่อ 4 ไม่สั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ แค่เท่านี้ก็ถือเป็นที่พอใจของฝ่ายพรรคแกนนำรัฐบาลแล้ว เพราะอย่างน้อยรัฐบาลยังคงได้เดินหน้าสร้างผลงาน แก้ปัญหาความเดือดร้อนต่าง ๆ ต่อไป ในขณะเดียวกัน ปัญหาการขบเหลี่ยมกันระหว่างกลุ่มอำนาจเก่า กับ นายใหญ่ ตามดีลที่ทำให้เกิดรัฐบาลพลิกขั้วนั้น ก็ต้องไปไล่ดูว่า มีอะไรที่ล้ำเส้น จนทำให้เกิดการปีนเกลียวเล่นงานกันแบบนี้หรือไม่

ในส่วนกระบวนการพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญเมื่อมองดูรูปการณ์ที่ออกมาแบบนี้แล้ว โอกาสที่เศรษฐาจะรอดก็มีเปอร์เซ็นต์ที่สูงอยู่ เพราะในแง่ของคุณสมบัติตามที่รัฐธรรมนูญบัญญัติไว้เกี่ยวกับบุคคลที่จะดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีนั้น ประเด็นที่ว่าด้วยการถูกคุมขังโดยคำพิพากษาหรือคำสั่งศาลนั้น มันเกินระยะเวลา 10 ปีตามที่ระบุไว้แล้ว เหลือเพียงที่จะต้องไปตีความกันว่า เป็นบุคคลที่กระทำการอันไม่ซื่อสัตย์สุจริตและมีพฤติกรรมอันเป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรงตามรัฐธรรมนูญ 2560 มาตรา 160 (4) และ (5)

อย่างที่เคยบอกไว้ จะตีความคำว่า “ซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์” และ “พฤติกรรมที่ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง” อย่างไร กรณีแรกถือเป็นเรื่องยากมากเพราะเป็นนามธรรม ถามว่าตุลาการศาลรัฐธรรมนูญจะกล้าประทับตราว่าใครคนใดคนหนึ่งเป็นบุคคลที่ซื่อสัตย์หรือกังฉิน โดยที่ไม่มีหลักฐานใด ๆ มาพิสูจน์ได้อย่างนั้นหรือ เรื่องถุงขนมที่เกิดขึ้นตามคำสั่งศาลก็ระบุไว้ว่า พิชิต “น่าจะรู้” ต้องดูว่าศาลรัฐธรรมนูญจะตีความจากตรงนี้อย่างนั้นหรือ

ส่วนประเด็นมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง ก็เพิ่งมาถูกบัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญฉบับสืบทอดอำนาจ จะนำไปตีความกับเรื่องที่เคยเกิดขึ้นในอดีตนานมาแล้ว หรือชี้ว่าคน ๆ นั้นผิดก็ต้องย้อนกลับไปเรื่องซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ หากวินิจฉัยไม่ได้ประเด็นนี้ก็น่าจะเป็นเรื่องยากที่จะชี้ขาดเช่นเดียวกัน ดังนั้น เมื่อทิศทางของเรื่องที่ร้องออกมาในแนวทางนี้ จึงไม่มีอะไรมากไปกว่าการแสดงพลังของอำนาจเก่า เพื่อแยกเขี้ยวขู่ กระทืบเท้าข่มให้นายใหญ่พึงระมัดระวังต่อการใช้อำนาจเท่านั้น

ต้องจับตาความเคลื่อนไหวของผู้มีอำนาจที่แท้จริงในซีกรัฐบาล จะหวือหวา เรียกร้องความสนใจ ยึดพื้นที่สื่อเหมือนที่ผ่านมาอีกหรือไม่ หากลดน้อยลงแล้วโดยบทบาทในการทำงานให้ไปอยู่ที่เศรษฐาเป็นหลักเหมือนในระยะแรก นั่นหมายความ เป็นสัญญาณเชิงบวกที่จะทำให้โอกาสกระเด็นตกเก้าอี้ของผู้นำประเทศจะไม่เกิดขึ้นด้วย

อย่างไรก็ตาม แรงกระเพื่อมที่เกิดขึ้นจากการแสดงอิทธิฤทธิ์ของเครือข่ายอำนาจเก่านั้น ไม่ได้ส่งผลเพียงแค่ทำให้นายใหญ่และพรรคแกนนำกุมอำนาจปัจจุบัน ต้องทบทวนท่วงทำนองทางการเมืองของตัวเองเท่านั้น หากแต่ยังจะเป็นการส่งซิกไปถึงเศรษฐาและบรรดากุนซือของพรรคเพื่อไทยที่คิดไม่ดีไม่ร้ายกับพรรคร่วมรัฐบาลให้รับรู้ด้วยว่า “รู้นะคิดอะไรอยู่” ทำอะไรให้เกรงใจ ให้เกียรติกันบ้าง โดยเฉพาะเรื่องนำกัญชากลับไปอยู่ในบัญชียาเสพติดที่ว่ากันว่า ทำให้ อนุทิน ชาญวีรกูล และพลพรรคภูมิใจไทยหัวฟัดหัวเหวี่ยงกันเลยทีเดียว

ขณะที่การพลิกเกมเพื่อที่จะให้พรรคแกนนำรัฐบาลในฐานะฝ่ายกระชับอำนาจได้อยู่หมัด เหมือนที่เร่งดำเนินการมาตั้งแต่เป็นรัฐบาล ก็ชักจะไม่แน่แล้วว่า แนวร่วมที่เคยคิดว่ายอมศิโรราบนั้น ความจริงเป็นมิตรที่ไว้วางใจได้หรือไม่ การขยับของ 40 สว.ก็แทบจะไม่ต้องบอกกันว่ามีเบื้องหลังหรือไม่ และใครคือผู้ชักใย เพราะรู้กันอยู่แล้วสำหรับคณะที่อยู่ในการสร้างดีลให้เกิดรัฐบาลพลิกขั้ว ยังดีที่ว่าเวลานี้ในส่วนของเพื่อไทยยังสามารถคุมสถานการณ์คนที่ผิดหวัง และจ้องจะเสียบให้อยู่ในกรอบได้อยู่

เนื่องจาก หลังการปรับ ครม.ที่ผ่านมา มีข่าวกระเส็นกระสายภายในพรรคนายใหญ่ว่า มีความพยายามของผู้ถูกกระทำของพรรคได้เคลื่อนไหวเพื่อที่จะขายข้อมูล เปิดเผยความลับบางอย่างที่รู้กันเป็นการภายใน เข้าทำนองระเบิดพลีชีพ ดีที่ว่าเป็นแค่อาการกระฟัดกระเฟียดเพื่อแสดงให้รู้ว่าไม่พอใจเท่านั้น ฝ่ายเจรจายังสามารถตกลงด้วยผลประโยชน์ที่เป็นที่พอใจกันได้ แต่หากสถานการณ์ยังเป็นไปในลักษณะเดิมคือมีการปรับเปลี่ยนเพื่อตอบแทนคนใกล้ชิดนาย ก็ไม่มีใครกล้ารับประกันว่า อนาคตของเศรษฐาและรัฐนาวาจะยืนระยะได้ครบเทอมหรือไม่

วันเสาร์นี้ ทักษิณจะเดินทางไปโคราชร่วมงานฌาปนกิจ วิชัย ช่างเหล็ก อดีตคนขับรถคู่ใจที่วัดสังฆชินาราม อำเภอสีดา จากนั้นจะเดินทางไปยังอนุสาวรีย์ ท้าวสุรนารี เพื่อสักการะและพบปะประชาชน และเดินทางไปที่ภัตตาคารเสียวเสี้ยว เพื่อรับประทานอาหารร่วมกับแกนนำการเมือง ต้องดูอาการที่แสดงออกเวลาที่พบกับมวลชน หากไม่หลุดวาทกรรมอะไรให้เป็นประเด็น ไม่ลิงโลดเกินงาม ก็หมายความว่ามีการปรับจังหวะก้าวทางการเมืองกันในระดับหนึ่ง 

ประสานายใหญ่ที่ไม่เคยปล่อยอะไรซึ่งเป็นโอกาสจะสร้างความได้เปรียบให้ผ่านเลยไป ย่อมแสดงออกในเชิงสัญลักษณ์อย่างหนึ่งอย่างใด เพราะเวลานี้เริ่มมีความชัดเจนแล้วว่า การช่วงชิงอำนาจในสนามการเมืองท้องถิ่นที่พรรคแกนนำรัฐบาลต้องการจะใช้เป็นบันไดเรียกคะแนนนิยมให้กลับคืนมา ไม่ได้ถูกจัดการตามกระบวนการของพรรคเหมือนที่ผ่านมา แต่เป็นการสั่งการโดยตรงของผู้มีอำนาจที่แท้จริงว่าจะเลือกใครเป็นตัวแทน ทำให้เกิดปัญหาความขัดแย้งในหลายพื้นที่ จนระดับนำในพรรคหลายคนเริ่มหวั่นใจว่าถ้าจัดการไม่ดีจะส่งผลต่อการเมืองภาพใหญ่ตามไปด้วย

อรชุน

Back to top button