ลุ้นหุ้นไทยครึ่งหลังปี 67 แตะ 1,500 จุด

เมื่อสัปดาห์ก่อนได้มีโอกาสเข้าร่วมรับฟังมุมมองของผู้บริหาร KTAM ในงานแถลงภาพรวมเศรษฐกิจครึ่งหลังปี 2567


เส้นทางนักลงทุน

เมื่อสัปดาห์ก่อนได้มีโอกาสเข้าร่วมรับฟังมุมมองของผู้บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) กรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTAM ในงานแถลงภาพรวมเศรษฐกิจครึ่งหลังปี 2567 พร้อมสินทรัพย์แนะนำ ซึ่งในงานนี้ผู้ให้ข้อมูลถือเป็นระดับแถวหน้าของอุตสาหกรรมกองทุนรวม ทั้ง “ชวินดา หาญรัตนกูล” กรรมการผู้จัดการ, “วีระ วุฒิคงศิริกูล” รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส ผู้บริหารสายงานจัดการลงทุน และ “ดร.สมชัย อมรธรรม” ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิจัย

ในงานนี้มีมุมมองที่น่าสนใจคือ โอกาสของตลาดหุ้นไทยในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ ซึ่งค่าย KTAM เชื่อว่าดัชนีตลาดหุ้นไทย (SET index) ระดับปัจจุบัน แถว ๆ 1,370-1,380 จุด ยังสามารถขยับขึ้น หรือมีอัพไซด์ประมาณ 10% หรือราว ๆ กว่า 100 จุด จากคาดการณ์ว่า SET index สิ้นปีนี้จะแตะที่ 1,500 จุดได้

หากมองปัจจัยแวดล้อมที่จะเข้ามาสนับสนุน เริ่มจากปัจจัยภายนอก ประเมินว่าเศรษฐกิจโลกในครึ่งปีหลังนี้มีแนวโน้มเติบโตได้ต่อเนื่อง ซึ่งแต่ละภูมิภาคจะเติบโตแตกต่างกันไป โดยจะขึ้นอยู่กับนโยบายในการดูแลเสถียรภาพเศรษฐกิจ อัตราเงินเฟ้อ อัตราดอกเบี้ย

อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นต่างประเทศปรับตัวขึ้นได้ดีในช่วงปีก่อน จากปัจจัยพื้นฐานที่ดีขึ้น ผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนออกมาสูงกว่าคาดการณ์

หากมองไปที่ตลาดหุ้นชั้นนำของโลก เช่น ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ยังคงมีความน่าสนใจอยู่ แม้ราคาหุ้นจะกลับมาซื้อขายในระดับที่เหมาะสมแล้ว แต่แนวโน้มธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) อาจปรับลดดอกเบี้ยลง 1-2 ครั้ง ช่วงไตรมาส 4

และการเลือกตั้งประธานาธิบดี ในช่วงปลายปีนี้น่าจะได้รับผลบวกกับหุ้นทั่วโลก อย่างไรก็ตามคาดว่ายุโรปจะมีการประกาศลดอัตราดอกเบี้ยนำร่องก่อน

จากคาดการณ์ธนาคารทั่วโลกมีแนวโน้มจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในครึ่งหลังของปี 2567 ดังกล่าว ส่งผลให้ตลาดตราสารหนี้ต่างประเทศมีความน่าสนใจขึ้น จากก่อนหน้านี้มีความผันผวนตามกระแสคาดการณ์การลดดอกเบี้ยของแต่ละประเทศ

สำหรับจีน ปัญหาภาคอสังหาริมทรัพย์คลี่คลายลงส่งผลให้เศรษฐกิจค่อย ๆ ปรับตัวดีขึ้น ขณะที่ในระยะสั้นจีนได้เปรียบจากการส่งออกสินค้าราคาถูก ทำให้ยอดการส่งออกขยายตัว

ตลาดหุ้นจีนเริ่มส่งสัญญาณการฟื้นกลับตัวจากหุ้นขาลงชัดเจนมากขึ้น การปรับโครงสร้างตลาดทุนให้มีคุณภาพ โปร่งใส และเอื้อต่อการลงทุนของนักลงทุนสถาบันและต่างชาติ ทำให้ตลาดหุ้นจีนยังคงมีความน่าสนใจอยู่

ส่วนตลาดหุ้นไทย ผ่านมาเกือบ 5 เดือน ยังไม่มีการฟื้นตัว ขณะที่มูลค่าการซื้อขายเบาบางลงมาก ปัญหามาจากความสามารถในการแข่งขันในระยะยาวถดถอยลง การฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวไทยล่าช้ากว่าประเทศอื่น ๆ ความล่าช้าของพ.ร.บ.งบประมาณปี 2567

อย่างไรก็ตาม ปีนี้ยังไม่มีประโยคเด็ดที่ว่าจะเป็นปีแห่งการ “เผาหลอก หรือ เผาจริง” สะท้อนว่านักลงทุนเริ่มมองบวก หากภาครัฐผลักดันนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจออกมาในช่วงไตรมาส 4 ตามแผนงาน

ขณะที่ งบประมาณปี 2567 จะเร่งดำเนินการเบิกจ่าย ภาคการท่องเที่ยวไทยยังมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาจำนวนมาก แม้ดอกเบี้ยนโยบายจะทรงตัวที่ระดับ 2.50% ซึ่งในทางปฏิบัติคาดว่าคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) น่าจะลดดอกเบี้ยลงเช่นกัน แนวโน้มเศรษฐกิจไทยจึงน่าจะมีโมเมนตัมในทางที่ดีขึ้น

ประกอบกับการฟื้นกองทุนลดหย่อนภาษี LTF ซึ่งภาครัฐอาจอนุมัติให้ลงทุนได้ในช่วงที่เหลือของปี จะเป็นปัจจัยสนับสนุนให้เป้าหมาย SET index สิ้นปี 2567 นี้ ไปอยู่ที่ 1,500 จุด นั่นเอง

ค่าย KTAM ยังฟันธงว่าภายในระยะเวลาอันสั้นนี้โบรกเกอร์ค่ายต่าง ๆ จะมีการปรับประมาณการกำไรบริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้นไทยขึ้น ทำให้ Forward P/E จะไม่ถูกอีกต่อไป เมื่อเปรียบเทียบกับตลาดหุ้นในภูมิภาคเดียวกัน

นอกจากนี้ มาตรการยกระดับความเชื่อมั่นเรื่องตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ทั้งในส่วนของการกำกับดูแลการขายชอร์ต และการใช้คอมพิวเตอร์ส่งคำสั่งซื้อขายด้วยความเร็วสูง หรือโปรแกรมเทรดดิ้ง

การเพิ่มการเปิดเผยข้อมูลแก่สาธารณชนตลอดจนความเข้มข้นในการกำกับดูแลบริษัทจดทะเบียนเดิม และที่จะเข้าจดทะเบียนใหม่ ซึ่งจะทยอยมีผลตั้งแต่ไตรมาส 2-3 ปีนี้ จะเสริมสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนได้

ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ตลาดหุ้นไทยเผชิญกับแรงขายทิ้งของนักลงทุนต่างชาติอย่างต่อเนื่อง ยกเว้นเพียงปี 2559 ที่นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 78,546 ล้านบาท และปี 2565 นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 196,886 ล้านบาท

ปี 2566 นักลงทุนต่างชาติขายทิ้งหุ้นไทยหนักมือที่สุด ถึง 192,083 ล้านบาท ขณะที่ปี 2567 นี้ (1 มกราคม-21 พฤษภาคม 2567) ตลาดหุ้นไทยเผชิญกับแรงขายทิ้งของนักลงทุนต่างชาติแล้ว 68,545.82 ล้านบาท

แม้จะมีคาดการณ์ว่าครึ่งแรกของปีนี้จะเป็นช่วงที่หุ้นไทยถึงจุดต่ำสุด และพร้อมที่จะผงกหัวขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปี แต่การจัดพอร์ตที่ดียังมีความสำคัญ โดยประเมินว่าสินทรัพย์เสี่ยงทั่วโลกอาจจะให้ผลตอบแทนในระดับ “ปานกลาง” และอาจจะไม่ได้ดีเหมือนในปีก่อน

ตอนนี้หุ้นไทยยังต้องฝ่าและยืนเหนือแนวต้านสำคัญที่ระดับ 1,400 จุดให้ได้เสียก่อน หลังจากนั้นก็ค่อยมาลุ้นกันอีกสเต็ปในช่วงครึ่งหลังปี 2567 นี้ ให้หุ้นไทยแตะระดับ 1,500 จุดให้ได้อีกครั้ง

Back to top button