ดนัย ลาภาวิวัฒน์

นายดนัย ลาภาวิวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่การเงิน บริษัท เอเซียเสริมกิจลีสซิ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ ASK เปิดเผยข้อมูลภาพรวมธุรกิจของบริษัทผ่านงาน Opportunity Day จัดโดยตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.)ในวันที่ 1 มีนาคม 2567 ว่า ผลการดำเนินงานปี 2566 บริษัทมีกำไรสุทธิ 1,219 ล้านบาท ลดลง 19% จากปี 2565 ขณะที่รายได้รวมปี 2566 อยู่ที่ 6,500 ล้านบาท เติบโต 16% จากปี 2565 โดยส่วนใหญ่มาจากรายได้ดอกเบี้ย (Interest Income)และรายได้จากบริการเพิ่มขึ้น ขณะที่พอร์ตสินเชื่อรวม ณ สิ้นปี 2566 อยู่ที่ 75,257 ล้านบาท เติบโต 11% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 67,606 ล้านบาททั้งนี้ ในปี 2567 บริษัทฯ ตั้งเป้าการเติบโตของพอร์ตสินเชื่อไว้ที่ 2 หลัก (2 Digits) และควบคุม NPL Ratio ไม่ให้เกินระดับ 4.00% จากปีก่อนอยู่ที่ระดับ 4.7% รวมทั้งกระจายการเติบโตไปยังสินเชื่อจำนำทะเบียน, โซลาร์, พอร์ตสินเชื่อที่เกี่ยวกับ SME หรือเครื่องจักรต่างๆ สำหรับแนวโน้มและแผนการดำเนินงานในปี 2567 บริษัทฯ ตั้งเป้าหมายที่จะเติบโตอย่างมีคุณภาพ และไม่อยากให้เกิดปัญหาลูกหนี้ไม่สามารถจ่ายได้หนี้ได้ตั้งแต่ต้นงวด โดยบริษัทฯ จะมีการเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อมากขึ้น และเน้นไปที่สินเชื่อจำนำทะเบียนเป็นหลัก ซึ่งจะได้อัตราดอกเบี้ยที่สูง สอดคล้องกับต้นทุนการเงินที่บริษัทฯ ต้องปรับเพิ่มขึ้น อีกทั้งในปีนี้เน้นการควบคุมคุณภาพของลูกหนี้ที่อยู่ในพอร์ต ให้สามารถจ่ายหนี้ได้ตามปกติให้เร็วที่สุด และในปีนี้บริษัทฯ พยายามที่จะเร่งขายรถมากขึ้นเพื่อให้มีความสมดุลกับรถที่จะนำเข้ามาเพิ่ม และเพื่อปรับ NPL ให้ลดลงตามเป้าหมาย โดยบริษัทฯ จะเพิ่มช่องทางในการหาลูกค้าเพิ่มเติม ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มช่องทางเอเจน รวมทั้งเพิ่มจำนวนเจ้าหน้าที่ RM ในทุกพื้นที่ ซึ่งจะทำให้พอร์ตสินเชื่อจำนำทะเบียนเติบโตเพิ่มขึ้นได้ในปีนี้ และจะเป็นส่วนช่วยในการเติบโตของบริษัทฯนอกจากนี้บริษัทฯ มีแผนที่จะหาพันธมิตรเพิ่มเติมในการหาบุคลากรเข้ามาช่วยเจรกับลูกหนี้เพื่อดำเนินการปรับโครงสร้างหนี้ หรือการนำรถคืนมาให้บริษัทฯ นายดนัย กล่าวอีกว่า สำหรับการเติบโตของโมเดลธุรกิจในอนาคต บริษัทฯ จะอิงไปทางการทำให้มีผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นสินเชื่อจำนำทะเบียน โดยปัจจุบัน บริษัท กรุงเทพแกรนด์แปซิฟิคลีส จำกัด (มหาชน)หรือ BGPL ซึ่งเป็นบริษัทฯ ย่อยของบริษัทฯ มีการทำโซลาร์ บริษัทฯ จะมุ่งเน้นไปยังสินเชื่อประเภทอื่นๆ เพื่อให้มีความหลากหลายเพิ่มมากขึ้น เพื่อรอการเติบโตของรถบรรทุกที่รองรับผลิตภัณฑ์มาตรฐานยูโร 5 มากขึ้น และกลับเข้าสู่วัฏจักรเดิมได้ ทั้งนี้ จากการเปลี่ยนแปลงจากมาตรฐานยูโร 3 มาเป็นมาตรฐานยูโร 5 โดยการผลิตรถยูโร 3 จะสิ้นสุดในเดือนมีนาคม 2567 และจะเปลี่ยนเป็นการผลิตยูโร 5 แทน ซึ่งถือเป็นโอกาสดีกับบริษัทฯ ทั้งนี้ จากการท่องเที่ยวที่เริ่มกลับมาคึกคักในปีนี้ คาดว่าจะทำให้รถที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยวเติบโตได้ค่อนข้างดี รวมถึงรถบรรทุกอื่นๆ อาทิ รถบรรทุกขนส่งสินค้าอุปโภค บริโภค และคาดว่าจะมีการส่งออกที่เพิ่มมากขึ้น ซึ่งจะส่งผลให้มีการใช้รถขนส่งมากขึ้น โดยในต้นปีนี้การซื้อขายของรถบรรทุกมีแนวโน้มที่ดีขึ้น มีการให้ราคาที่เพิ่มขึ้น และทำให้บริษัทฯ มั่นใจว่าถ้านำรถคืนมาจะทำให้บริษัทฯ สามารถขายได้ “สำหรับผลิตภัณฑ์ใหม่ของบริษัทฯ จะมุ่งเน้นการทำช่องทางธุรกิจให้ทัดเทียมกับธนาคาร ไม่ว่าจะเป็น ช่องทางออนไลน์ หรือแอปพลิเคชั่น เพื่อความสะดวกในการทำงานของฝ่ายการตลาด และมีแผนการจัดหาเงินทุนในปีนี้ บริษัทฯ มีแผนที่จะกู้เงินใหม่ประมาณ 16,000 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นออกหุ้นกู้ 11,000 ล้านบาท และจะเป็นการกู้ยืมจากธนาคารอีก 5,000 ล้านบาท” นายดนัยกล่าว Company Snapshot