ขายหนีตาย?

เริ่มต้นสัปดาห์ใหม่ปุ๊บ ก็ทิ้งหุ้นแบบไม่ปรานีปั๊บ มันเหมือนเป็นการย้ำหัวหมุดให้รู้ว่า สถานการณ์ในประเทศไทยกำลังมีปัญหาอย่างหนัก


เริ่มต้นสัปดาห์ใหม่ปุ๊บ ก็ทิ้งหุ้นแบบไม่ปรานีปั๊บ มันเหมือนเป็นการย้ำหัวหมุดให้รู้ว่า สถานการณ์ในประเทศไทยกำลังมีปัญหาอย่างหนัก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเมือง และเรื่องเศรษฐกิจ ล้วนอยู่ในช่วงชี้เป็นชี้ตาย ขณะที่ปัญหาสังคมก็มีเรื่องราวบ้า ๆ บอ ๆ เกิดขึ้นมากมาย (เชื่อมจิตก็มา คลื่นพลังบุญก็มี) จึงกลายเป็นจังหวะนรกที่ทำให้เดี๊ยนเกิดอาการมึนตึบทุกวันพะย่ะค่ะ

งานนี้บอกได้คำเดียวว่า การที่นักลงทุนขายหนีตายรอบนี้ กลายเป็นแรงกดดันที่ทำให้ดัชนีมีโอกาสลงไปทำจุดต่ำสุดใหม่เรื่อย ๆ อย่างเลี่ยงไม่ได้ เพราะการหลุดแนวรับสุดท้ายตรงบริเวณ 1,300 จุดมันเป็นช็อตที่ต้องตัดขายขาดทุนสถานเดียว พร้อมกับหันมาใช้วิธี “wait & see” อย่างเร่งด่วน หลังมองไม่เห็นจุดกลับตัวของดัชนีอย่างบูรณาการอยู่ตรงบริเวณไหนน่ะซี

ประกอบกับการที่ดัชนีลงไปทำโลว์ที่บริเวณ 1,288.58 จุด ก่อนจะพยายามตีตื้นขึ้นมาปิดที่ระดับ 1,296.59 จุด ลบไป 9.97 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 4.06 หมื่นล้านบาท มันเป็นภาพที่ชี้ให้เห็นลักษณะการเคลื่อนตัวของตลาดหุ้นไทยยังเป็นขาลง “โมนิก้า” เลยไม่กล้าแนะนำนักลงทุนให้เข้าไปรับหุ้นในช่วงนี้ และพยายามแนะนำคนที่มีเงินเย็นให้ทยอยสะสมหุ้นที่เกี่ยวกับการอุปโภค และบริโภคเป็นหลัก เพราะเป็นหุ้นที่เกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวันเจ้าค่ะ

โดยหนึ่งในหุ้นที่ขึ้นหิ้งเรื่องการกินการใช้ของผู้คนในยุคนี้ไปแล้วก็คือ CPALL และยังเป็นหุ้นที่มีดาวนไซด์ต่ำอันดับต้น ๆ ของตลาดหุ้น ผนวกกับยังมีแนวรับสำคัญรองรับที่บริเวณ 54-52-50 บาทอยู่พอดี จึงกลายเป็นหุ้นที่มีลุ้นรีบาวด์เป็นช่วง ๆ แบบนี้ “โมนิก้า” ถึงอยากให้นักเล่นขาลุยประเมินกันเอาเองว่า การยืนปิดที่ระดับ 55.75 บาท ลบไป 0.25 บาท หรือลงไป 0.45% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 892 ล้านบาท น่าสนใจอ๊ะป่าว?

เช่นเดียวกับในรายของ NEO ก็เป็นหุ้นที่มีการเติบโตต่อเนื่อง และยังเกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวัน รวมทั้งเป็นหุ้นที่เดี๊ยนชอบมากในพักหลัง ๆ ก็เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่ไม่ควรมองข้าม “โมนิก้า” ถึงอยากให้นักเล่นประเมินการยืนปิดที่ระดับ 56.75 บาท บวกไป 0.75 บาท หรือขึ้นไป 1.35% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 83 ล้านบาท ทั้งที่ตลาดหุ้นไทยแดงถือกกันถ้วนหน้าแบบนี้..คุณ ๆ ท่าน ๆ คิดว่า หุ้นตัวนี้มีของดีในตัวไหมล่ะ!

ประเด็นข้างต้นทำให้ “โมนิก้า” ต้องเอ่ยถึงหุ้น SFLEX เพื่อชี้ให้เห็นหุ้นเหาฉลามที่เติบโตไปพร้อมกับรายข้างต้น ผนวกกับเมื่อเจาะลึกลงไปในรายละเอียดของเทรดบน PE 13 เท่า และยังมีอัตราเงินปันผลตอบแทนที่ระดับ 2.50% เดี๊ยนเลยมั่นใจว่า การยืนปิดที่ระดับ 3.62 บาท บวกไป 0.08 บาท หรือขึ้นไป 2.25% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 46 ล้านบาท น่าจะเป็นระดับที่ลงทุนได้สบาย ๆ หรือใครเถียงว่า ไม่จริง!..ก็แสดงความคิดเห็นได้นะคะ

อีกรายที่ผ่านการพิสูจน์มาหลายปี ไม่ว่าจะเป็นช่วงก่อนโควิด หรือจะเป็นช่วงหลังโควิด ผู้คนก็นิยมบริโภคซอสเพิ่มขึ้นทุกปี ผนวกกับผู้บริหารมีแผนขยายตลาดใหม่ ๆ เพิ่มขึ้นตลอดเวลา เดี๊ยนเลยเชื่อว่า การประคองตัวของหุ้น XO ก่อนจะยืนปิดที่ระดับ 29 บาท บวกไป 0.50 บาท หรือลงไป 1.75% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 71 ล้านบาท ท่ามกลาง PE 12 เท่า ยังเป็นระดับที่คุ้มค่ากับการลงทุนนะจ๊ะ

อีกรายที่น่าสนใจมุมของการเทิร์นอะราวด์ เดี๊ยนคงมองไปที่หุ้นขายไก่ตัวจิ๋วอย่าง TFG เป็นลำดับถัดมา เพราะการประคองตัวท่ามกลางภาวะตลาดหุ้นแดงแป๊ด คือสัญญาณที่บอกให้รู้ว่า ยังมีคนทยอยเก็บหุ้นใส่พอร์ต ซึ่งเป็นผลมาจากสถานการณ์เนื้อไก่เนื้อหมูยังไปได้ดี วานนี้ถึงเห็นราคาหุ้นยืนปิดที่ระดับ 4.20 บาท บวกไป 0.08 บาท หรือขึ้นไป 1.95% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 21 ล้านบาทพะย่ะค่ะ

ตบท้ายกันที่หุ้นโรงเรียนของหนู SISB ซึ่งอาจไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องอุปโภคบริโภคสักเท่าไหร่? แต่ในปัจจุบันเรื่องการศึกษาเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของผู้ปกครองทุกคน “โมนิก้า” ถึงมองว่า หุ้นตัวนี้ทนแรงเสียดทานทางเศรษฐกิจได้ค่อนข้างดี และการที่หุ้นย่อตัวลงมาเรื่อย ๆ ก่อนจะยืนปิดที่ระดับ 36.25 บาท ลบไป 0.75 บาท หรือลงไป 2% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 74 ล้านบาท น่าจะเป็นโอกาสทยอยช้อนหุ้นเก็บไว้ในพอร์ต เพราะเที่ยวก่อนก็เด้งกลับตรง 35 บาทนะจ๊ะ

โมนิก้า: และทีมงาน

Back to top button