BCP ยังแข็งแกร่ง

ปี 2559 BCP เร่งขยายธุรกิจเต็มสูบ โดยมีการตั้งงบลงทุนร่วมลงทุนหรือซื้อกิจการ (M&A) ประมาณ 1 หมื่นล้านบาท ซึ่งมีข้อสรุปราว 2-3 ดีลในธุรกิจพลังงาน มีทั้งโครงการที่เริ่มผลิตแล้วและโครงการใหม่ ซึ่งเร็วๆ นี้จะมีดีลในธุรกิจโรงไฟฟ้า


–คุณค่าบริษัท–

 

ปี 2559 บริษัท บางจากปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ BCP เร่งขยายธุรกิจเต็มสูบ โดยมีการตั้งงบลงทุนร่วมลงทุนหรือซื้อกิจการ (M&A) ประมาณ 1 หมื่นล้านบาท ซึ่งมีข้อสรุปราว 2-3 ดีลในธุรกิจพลังงาน มีทั้งโครงการที่เริ่มผลิตแล้วและโครงการใหม่ ซึ่งเร็วๆ นี้จะมีดีลในธุรกิจโรงไฟฟ้า

ดีลแรกที่จะประกาศออกมาคาดจะใช้เงินลงทุนไม่มาก และบริษัทยังมีกระแสเงินสดค่อนข้างมากเพื่อรองรับการลงทุนดังกล่าวได้ อีกทั้งในช่วงไตรมาส 4 ปี 58 บริษัทยังจะรับรู้กำไรจากการขายหุ้นทั้งหมดราว 10.66% ใน บมจ.อาเซียนโปแตชชัยภูมิ จำนวนหนึ่ง

ภาพรวมของผลการดำเนินงานของบริษัทยังอยู่ในเกณฑ์ดี!!

เนื่องจากผลการดำเนินงานไตรมาส 3 สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2558 แม้ว่ารายได้จากการขายและการให้บริการทำได้เพียง 35,203.06 ล้านบาท จากงวดเดียวกันของปีก่อน 46,834.63 ล้านบาท แต่บริษัทกลับมีกำไรขยับขึ้นมาอยู่ที่ 431.91 ล้านบาท หรือ 0.31 บาทต่อหุ้น จากงวดเดียวกันของปีก่อน 378.20 ล้านบาท หรือ 0.27 บาทต่อหุ้น

ขณะที่ผลการดำเนินงานงวดเก้าเดือน สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2558 บริษัทมีรายได้จากการขายและการให้บริการทั้งสิ้น 116,004.58 ล้านบาท จากงวดเดียวกันของปีก่อน 137,267.32 ล้านบาท แต่บริษัทกลับมีกำไรขยับขึ้นมาอยู่ที่ 4,263.06 ล้านบาท หรือ 3.10 บาทต่อหุ้น จากงวดเดียวกันของปีก่อน 3,198.10 ล้านบาท ถือว่าบริษัทยังมีจุดแข็งในการทำกำไร

สิ่งสำคัญ คือ เมื่อวิเคราะห์ฐานะทางการเงินเพื่อเป็นตัวแปรในการตัดสินใจสำหรับลงทุนพบว่า ฐานะทางการเงินของบริษัทยังคงแข็งแกร่งมาก เพราะบริษัทมีสินทรัพย์หมุนเวียนมากถึง 34,058.38 ล้านบาท เมื่อนำมาเทียบกับหนี้สินหมุนเวียนเพียง 9,582.77 ล้านบาท ได้ค่า CURRENT RATIO อยู่ที่ระดับ 3.56 เท่า แสดงว่า สภาพคล่องทางการเงินดีมากพอสมควร

ส่วนปัญหาหนี้สินของบริษัทยังไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง แม้บริษัทจะมีหุ้นกู้ 15,983.43 ล้านบาท และมีหนี้สินไม่หมุนเวียนอื่น 108.14 ล้านบาท ส่งผลให้บริษัทมีหนี้สินรวม 44,977.77 ล้านบาท เมื่อนำมาเทียบกับส่วนของผู้ถือหุ้น 36,355.12 ล้านบาท ได้ค่า D/E อยู่ที่ระดับ 1.24 เท่า เพราะเชื่อว่าปัญหาส่วนนี้บริษัทจะรีบดำเนินการอีกไม่ช้า พร้อมกับหนี้สินดังกล่าวยังยอมรับได้ สิ่งสำคัญบริษัทยังทำกำไรได้อย่างแข็งแกร่งจึงไม่มีอะไรต้องเป็นห่วง

ในขณะที่นักวิเคราะห์ บล.คันทรี่ ยังชื่นชอบหุ้นในกลุ่มโรงกลั่นน้ำมันโดยเรามองว่าจะเป็นกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากราคาน้ำมันดิบระดับต่ำ จากการสูญเสียเชื้อเพลิงในระบบที่ลดลง อีกทั้งด้วยความตึงตัวของความต้องการขาย ส่วนเพิ่มของโรงกลั่นในปีนี้ มองว่า BCP จะได้ประโยชน์จากค่าการกลั่นที่จะแข็งแรงในปี 59 ยังคงแนะนำ “ซื้อ” ด้วยราคาเป้าหมาย 41.40 บาท

 

ผู้ถือหุ้นรายใหญ่

1. สำนักงานประกันสังคม 197,084,697 หุ้น 14.31%

2. กระทรวงการคลัง 137,442,767 หุ้น 9.98%

3. กองทุนรวม วายุภักษ์หนึ่ง โดย บลจ.กรุงไทย จำกัด (มหาชน) 107,433,200 หุ้น 7.80%

4. กองทุนรวม วายุภักษ์หนึ่ง โดย บลจ.เอ็มเอฟซี จำกัด (มหาชน) 107,433,200 หุ้น 7.80%

5. บริษัท ไทยเอ็นวีดีอาร์ จำกัด 79,856,476 หุ้น 5.80%

 

รายชื่อกรรมการ

1.นาย พิชัย ชุณหวชิร ประธานกรรมการ

2.นายชัยอนันต์ สมุทวณิช รองประธานกรรมการ

3.นายชัยอนันต์ สมุทวณิช กรรมการอิสระ

4.นายสุรินทร์ จิรวิศิษฎ์ รองประธานกรรมการ

5.นายสุรินทร์ จิรวิศิษฎ์ กรรมการอิสระ

Back to top button