
ขึ้นสองวัน..ลงหนึ่งวัน
สถานการณ์ของตลาดหุ้นไทยนับวันจะออกไปในทางซึมลงมากขึ้นเรื่อย ๆ เพราะผู้คนยังกังวลกับท่าทีของ “ทรัมป์” ที่ทำเหมือนประเทศอื่น ๆ เป็นลูกไล่ของตัวเอง
สถานการณ์ของตลาดหุ้นไทยนับวันจะออกไปในทางซึมลงมากขึ้นเรื่อย ๆ เพราะผู้คนยังกังวลกับท่าทีของ “ทรัมป์” ที่ทำเหมือนประเทศอื่น ๆ เป็นลูกไล่ของตัวเอง จึงพยายามเดินเกมสงครามจิตวิทยาเพื่อบีบให้ประเทศต่าง ๆ หันมาซบตักอเมริกาแบบนี้ มันเป็นประเด็นที่เซาะกร่อนบ่อนทำลายเศรษฐกิจทั่วโลกหนักขึ้นทุกที อีฉันเลยกังวลว่า ตลาดหุ้นไทยกำลังเข้าสู่ภาวะผันผวนอย่างเต็มตัวในไม่ช้านะจ๊ะ
งานนี้สังเกตได้จากอาการของตลาดหุ้นไทยที่มีลักษณะ “ขึ้นสองวัน ลงหนึ่งวัน” จนได้เห็นการทำโลว์ใหม่ของตลาดหุ้นไทยเนือง ๆ หรือแม้กระทั่งการเปิดแก๊ปในวันที่ดัชนีกระโดดขึ้นแรง (อเมริกาเลื่อนเก็บภาษีออกไป 90 วัน) ตามตำราหุ้นเขาพูดไว้ชัดเจนว่า ดัชนีจำเป็นต้องลงมาปิดแก๊ปที่บริเวณ 1,090 จุดอย่างเลี่ยงไม่ได้ จึงกลายเป็นอีกหนึ่งแรงกดดันที่ทำอีฉันรู้สึกหวั่นใจเป็นระยะพะย่ะค่ะ
ฉะนั้นการที่ตลาดหุ้นไทยประคองตัวปิดที่ระดับ 1,138.90 จุด บวกไป 10.24 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 4.12 หมื่นล้านบาท ท่ามกลางตลาดหุ้นทั่วโลกเริ่มทรุดลงอีกครั้ง มันเป็นเรื่องที่ยากต่อการบริหารจัดการจริง ๆ เพราะเป็นปัจจัยที่อยู่เหนือการควบคุม “โมนิก้า” ถึงอยากให้นักเล่นช่วยประเมินการดีดตัวแรงของหุ้นขนาดใหญ่เที่ยวนี้ ยังมีแก๊ปให้หุ้นวิ่งต่ออีกไหม? เพราะภาพที่ทุกคนมองเหมือนกันในเวลานี้คือ รีบาวด์เจ้าค่ะ
โดยเฉพาะในรายของ AMATA ที่พุ่งขึ้นมาปิด 14.50 บาท บวกไป 1.20 บาท หรือขึ้นไป 9% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 593 ล้านบาท ถือเป็นช็อตที่ปลุกความหวังของนักเล่นขึ้นมาอีกครั้ง เพราะสิ่งที่ทุกคนรับรู้เป็นระยะก่อนหน้านี้คือ บริษัทยังทำผลงานได้ดีในช่วงที่ผ่านมา และผลงานปีนี้น่าจะยังดีอยู่ แต่ปีถัดไปอาจไม่เป็นหมือนที่ตั้งเป้าแบบนี้ มันเป็นช็อตซื้อใจนักเล่นจะกล้าเล่นยาวหรือเปล่า?
รายถัดมาคงมองไปที่หุ้น GPSC เพื่อชี้ให้เห็นการเด้งขึ้นมาปิดที่ระดับ 27.75 บาท บวกไป 3.05 บาท หรือขึ้นไป 12.35% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 394 ล้านบาท ถือเป็นช็อตที่มีลุ้นต่อยาว ๆ ผนวกกับโบรกเกอร์ยังมองเป็นหุ้นที่น่าลงทุนทั้งในแง่ของ PE 17 เท่า และ BV 38 บาท “โมนิก้า จึงไม่มีอะไรมาโต้แย้งความคิดเห็นดังกล่าว เพราะเป็นหุ้นที่น่าลงทุนจริง ๆ ตามคำแนะนำดังกล่าวนะจะบอกให้
อีกรายที่ขึ้นต่อเนื่องหลังจากโดนกระหน่ำเป็นเวลานาน “โมนิก้า” คงมองไปที่หุ้น IVL เพื่อชี้ให้เห็นการขึ้นมาปิดที่ระดับ 19.70 บาท บวกไป 1 บาท หรือขึ้นไป 5.35% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 320 ล้านบาท ท่ามกลางผลดำเนินงานปี 68 ยังไม่รู้จะ “ออกหัว” หรือ “ออกก้อย” มันเป็นเกมเสี่ยงสำหรับนักเล่นที่ “คิดช้า ทำช้า” เพราะการขึ้นของหุ้นเที่ยวนี้เป็นลักษณะของการเล่นรอบ เพื่อรอข่าวจริงจะออกมาเหมือนที่คาดการณ์อะป่าว?
ในเมื่อชอบลุ้นกันทั้งที “โมนิก้า” ขอมองไปที่หุ้น ERW ที่มีแรงซื้อเข้ามาเป็นระลอก แต่สุดท้ายก็ถูกแรงขายกดลงมาทุกที อีฉันเลยสงสัยการขึ้นมาปิดที่ระดับ 2.38 บาท บวกไป 0.08 บาท หรือขึ้นไป 3.50% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 82 ล้านบาท ยืนระยะได้ยาวแค่ไหน? เพราะภาพของหุ้นในช่วง 1 สัปดาห์ยังเก้ ๆ กัง ๆ ที่บริเวณ 2.30 บาท จึงไม่ขอแสดงความคิดเห็นอะไรมากไปกว่านี้ เพราะอยากให้บรรยากาศตลาดหุ้นเล่าเรื่องด้วยตัวมันเองจ้า!
ปิดท้ายด้วยหุ้น KLINIQ เพื่อชี้ให้เห็นการขึ้นปิดที่ระดับ 31.50 บาท บวกไป 1 บาท หรือขึ้นไป 3.30% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 18 ล้านบาท ทั้งที่เป็นหุ้นพื้นฐานดีอีกตัวหนึ่งของตลาด เอ็ม เอ ไอ และ PE ของหุ้นก็อยู่แค่ระดับ 20 เท่า แต่มูลค่าการซื้อขายกลับเบาบางเหลือเกินแบบนี้ อีฉันเลยสงสัยราคาหุ้นจะยืนระยะได้อย่างไร? จึงอยากให้นักเล่นประเมินการบวกต่อเนื่อง 3 วันติด ยังมีแก๊ปให้หุ้นไปต่ออีกไหมจ๊ะ
โมนิก้า: และทีมงาน