
ILM พอที ‘บัลค์บัลค์’
ช่วงแรก ๆ ที่ บมจ.อินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์ หรือ ILM เข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ มา ก็ดูมีสีสันอยู่หรอก แต่พอผ่านไปสักพักค่อย ๆ กลืนหายไปในตลาด
ช่วงแรก ๆ ที่บริษัท อินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์ จำกัด (มหาชน) หรือ ILM เข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ มา ก็ดูมีสีสันอยู่หรอก แต่พอผ่านไปสักพักค่อย ๆ กลืนหายไปในตลาด จนนักลงทุนคงลืมไปแล้วมั้งว่ามีหุ้นตัวนี้ด้วยเหรอ..?? สาเหตุอาจเป็นเพราะสภาพคล่องน้อยไปหน่อย สะท้อนได้จากมูลค่าการซื้อขายในแต่ละวันที่แห้งเหี่ยว แค่หลักแสนบาทถึงล้านบาทต้น ๆ เท่านั้น
ทั้ง ๆ ที่ผลประกอบการของ ILM ก็ไม่ได้ขี้ริ้วขี้เหร่…รายได้และกำไรค่อนข้างมีเสถียรภาพ โดยมีรายได้เฉลี่ยปีละ 8,000-9,000 ล้านบาท ส่วนกำไรสุทธิอยู่ที่ระดับ 600-700 ล้านบาท อัตรากำไรสุทธิเฉลี่ยอยู่ที่ 7% หันไปดูอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลก็พอใช้ได้ ดิวิเดนด์ยีลด์เฉลี่ย 3-6% ต่อปี
เรียกว่าดูสวย…แต่ไร้เสน่ห์จังซั่น..!?
ถ้าดูตัวธุรกิจของ ILM ในแง่ของแบรนด์หลายคนรู้จักดี “Index Living Mall” แบรนด์เฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งบ้านชั้นนำของเมืองไทย ซึ่งหลังจากเข้าตลาดฯ ได้เงินระดมทุนมาก้อนโต ILM ก็ขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่อง จากเดิมขายเฟอร์นิเจอร์ในปี 2566 ก็แตกไลน์ไปทำธุรกิจขนส่งด้วย…
โดยไปจับไม้จับมือกับบริษัท แฟลช เอ็กซ์เพรส จำกัด ซึ่งเป็นผู้ให้บริการด้านโลจิสติกส์จัดส่งพัสดุชั้นนำของไทย จัดตั้งบริษัทร่วมทุนที่ชื่อ บริษัท บัลค์บัลค์ จำกัด มีทุนจดทะเบียน 50 ล้านบาท โดย ILM ถือหุ้น 51% ส่วนแฟลช เอ็กซ์เพรส ถือหุ้น 49%
ถ้าดูจากวัตถุประสงค์เพื่อการบริการขนส่งและประกอบติดตั้งสินค้า ชัดเจนว่าเป็นวันสต็อปเซอร์วิซ ให้บริการขนส่งถึงบ้าน ประกอบ-ติดตั้งเฟอร์นิเจอร์ และสินค้าขนาดใหญ่แบบครบวงจร
แต่ทำไปทำมา…ดูเหมือนจะไม่เวิร์กนะเนี่ย พิสูจน์ทราบได้จากผลประกอบการของบริษัท บัลค์บัลค์ ในปีแรก 2566 มีรายได้รวมอยู่ 6.50 ล้านบาท แต่ต้นทุนขายก็อยู่ในระดับสูงกว่า 6.51 ล้านบาท ส่งผลให้ขาดทุนสุทธิ 6.80 ล้านบาท ถัดมาปี 2567 แม้รายได้จะเพิ่มขึ้นเท่าตัวแตะที่ 11.15 ล้านบาท แต่ต้นทุนขายก็เพิ่มขึ้นเป็นเงาตามตัวเช่นกัน ทำให้ตัวเลขบรรทัดสุดท้ายติดลบอยู่ที่ 5.85 ล้านบาท
เท่ากับว่าเปิดบริษัทมาสองปียังไม่เห็นกำไรเลย มีแต่ตัวเลขขาดทุนรวมกว่า 12 ล้านบาทเท่านั้น…
ที่จริงยุทธ์ศาสตร์ของ ILM ไม่ผิดนะ…การมีบริษัทขนส่งของตัวเองก็มาช่วยตอบโจทย์ธุรกิจหลัก ช่วยเพิ่มความคล่องตัวในการทำธุรกิจ แถมการรุกสู่ธุรกิจขนส่งก็ไม่ได้ทำเพียงลำพัง แต่มีพันธมิตรอย่างแฟลช เอ็กซ์เพรส ซึ่งมีความเชี่ยวชาญในธุรกิจขนส่งพัสดุอยู่แล้ว
แต่ตอนนั้นสิ่งที่ลืมคิดไปคือ ตลาดนี้แม้ใหญ่มากก็จริง แต่ก็แข่งขันกันดุเดือดเลือดพล่านจนกลายเป็นทะเลเพลิงไปแล้ว ซึ่งไม่ง่ายที่จะยืนหยัดในธุรกิจนี้
สุดท้าย ILM ก็พอกันทีกับบัลค์บัลค์ เลยเป็นที่มาของการโละขายหุ้นที่ถือทั้งหมด 51% ให้กับแฟลช เอ็กซ์เพรส ที่ราคาหุ้นละ 3.32 บาท รวมทั้งสิ้น 8.46 ล้านบาท
โอเค…จำนวนเงิน 8.46 ล้านบาท คงไม่เยอะหรอกสำหรับ ILM แต่เมื่อตีลังกาคิดไตร่ตรองดูแล้ว หากยังทู่ซี้ทำต่อไป แทนที่จะเป็นตัวหนุนกำไร มีแต่จะเป็นตัวถ่วง…งั้นก็ขายไปให้รู้แล้วรู้รอดดีกว่า
เป็นการปิดฉาก 2 ปีกับธุรกิจขนส่งที่ไม่ค่อยสวยนัก..!!
หลังจากนี้ ILM ก็คงหันมาโฟกัสธุรกิจหลักแหละ..เอาสรรพกำลังไปทุ่มเทกับการขายเฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งบ้านต่อไป…
ส่วนจะมีโอกาสเห็นการขยายไปสู่ธุรกิจใหม่อีกหรือไม่..?? เป็นเรื่องของอนาคต
แต่ที่เป็นเรื่องของปัจจุบันคือ นักลงทุนคงอยากรู้ว่าหุ้น ILM จะขึ้นกี่โมงมากกว่า..??
…อิ อิ อิ…