เศรษฐกิจอินเดีย..เผชิญภาษีทรัมป์

“เศรษฐกิจอินเดีย” มีแนวโน้มเติบโตช้าลงเล็กน้อย เทียบกับที่คาดไว้ก่อนหน้านี้ปีงบประมาณ 2568-2569 ตามโพลสำรวจความเห็นนักเศรษฐศาสตร์ของรอยเตอร์


“เศรษฐกิจอินเดีย” มีแนวโน้มเติบโตช้าลงเล็กน้อย เทียบกับที่คาดไว้ก่อนหน้านี้ปีงบประมาณ 2568-2569 ตามโพลสำรวจความเห็นนักเศรษฐศาสตร์ของรอยเตอร์ ระบุว่า ภาษีศุลกากรตอบโต้สหรัฐฯ ส่งผลกระทบเชิงลบต่อความเชื่อมั่นทางธุรกิจ ทำให้ความกังวลเรื่องการลงทุนภาคเอกชนที่อ่อนแอ..

จากผลโพลของรอยเตอร์ ที่สำรวจนักเศรษฐศาสตร์ 54 คน ระหว่างวันที่ 15-24 เม.ย. 68 ที่ผ่านมา ประเมินว่าผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของอินเดีย มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 5 ของโลก จะเติบโตโดยเฉลี่ยที่ 6.3% ปี งบประมาณนี้เท่ากับที่คาดไว้สำหรับปี 2567-68 ที่เพิ่งสิ้นสุดลง..!

การคาดการณ์สำหรับปีงบประมาณนี้ลดลงจาก 6.5% ในการสำรวจเมื่อเดือนมี.ค. แต่สูงกว่าการคาดการณ์ล่าสุดของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ที่ 6.2% เล็กน้อย แต่เป็นการชะลอตัวลงอย่างมาก เมื่อเทียบปีงบประมาณ 2566-67 เศรษฐกิจเติบโต 9.2%

นักเศรษฐศาสตร์หลายคน กล่าวว่า จากตัวเลขการเติบโตหลักนั้น เศรษฐกิจอินเดีย ไม่สามารถสร้างงานที่มีค่าตอบแทนดีเพียงพอสำหรับคนหนุ่มสาวหลายล้านคน ที่เข้าสู่ตลาดแรงงานแต่ละปีได้..

แม้รัฐบาลอินเดีย จะเร่งเพิ่มการใช้จ่ายด้านโครงสร้างพื้นฐาน แต่การลงทุนของภาคเอกชนส่วนใหญ่ ยังคงซบเซาช่วงทศวรรษที่ผ่านมา ส่งผลให้เศรษฐกิจอินเดีย เติบโตต่ำกว่าศักยภาพ ที่แท้จริงเป็นอย่างมาก โดยสหรัฐฯ จัดเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากอินเดียของสหรัฐฯ อัตรา 26% ขณะนี้ได้รับการผ่อนผันเป็นเวลา 90 วัน

Kunal Kundu นักเศรษฐศาสตร์ประจำอินเดียของ Societe Generale ระบุว่า ชนชั้นกลางชาวอินเดียกำลังต่อสู้ดิ้นรน ยอดขายอาคารที่อยู่อาศัย, รถยนต์นั่งส่วนบุคคล และรถจักรยานยนต์ปรับตัวลดลง

สิ่งสำคัญคือนโยบายในประเทศทั้งหลาย จะต้องมุ่งเน้นไปที่สาเหตุหลักของปัญหา “อินเดียต้องการช่วงเวลาของปี 2534” โดยอ้างถึงแคมเปญสำคัญ ที่อดีตนายกรัฐมนตรี Manmohan Singh ขณะนั้นเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้มีการเปิดเศรษฐกิจเพื่อกระตุ้นให้เกิดการลงทุนและการแข่งขันจากต่างประเทศ

“เราเชื่อว่าสงครามภาษีศุลกากรจะเป็นโอกาสที่สมบูรณ์แบบสำหรับอินเดีย ที่จะเริ่มต้นการเดินทางที่ยาก ที่จำเป็นต้องทำอย่างยิ่งครั้งนี้ แม้อินเดียจะเป็นเศรษฐกิจขนาดใหญ่เติบโตเร็วสุดในสภาพแวดล้อมการเติบโตทางเศรษฐกิจทั่วโลกที่ต่ำในปัจจุบัน หากอินเดียไม่ดำเนินการใด ๆ มีแนวโน้มว่าอินเดียจะประสบความล้มเหลวอย่างมาก ในการบรรลุเป้าหมายระยะยาวของการเป็นประเทศที่พัฒนาแล้ว”

เมื่อถามว่าภาษีศุลกากรสหรัฐฯ ส่งผลต่อความเชื่อมั่นทางธุรกิจในอินเดียอย่างไร นักเศรษฐศาสตร์ 60% หรือ 21 คน จาก 35 คน ระบุว่า ผลกระทบเป็นเชิงลบหรือเป็นเชิงลบอย่างมาก ขณะที่ 14 คน หรือ 40% ระบุว่า “เป็นกลาง”

จากความหวาดกลัวต่อภาวะเศรษฐกิจถดถอยของสหรัฐฯ ที่เพิ่มสูงขึ้นและอัตราเงินเฟ้อของผู้บริโภค อยู่ต่ำกว่าเป้าหมายระยะกลางที่ 4% ช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา ประเมินว่า วัฏจักรการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางอินเดีย (RBI) จะสิ้นสุดลงเดือนส.ค.ที่ระดับ 5.50% ต่ำกว่าผลสำรวจครั้งก่อนถึง 0.25% ประเมินว่า RBI จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งที่ 3 ติดต่อกันช่วงเดือนมิ.ย.มาอยู่ที่ 5.75%

สุดท้าย “เศรษฐกิจอินเดีย” จะขยายตัวได้มากหรือน้อย..จะขึ้นอยู่กับว่า “ภาษีทรัมป์” ต่อจากนี้จะเข้มข้นมากน้อยเพียงใด..!?

Back to top button