
3 ลีสซิ่งท่ามกลางดอกเบี้ยขาลง
ภายหลังคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) สร้างเซอร์ไพรส์ด้วยมติ 5 ต่อ 2 เสียง ให้ลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% จาก 2.00%
เส้นทางนักลงทุน
ภายหลังคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) สร้างเซอร์ไพรส์ด้วยมติ 5 ต่อ 2 เสียง ให้ลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% จาก 2.00% เป็น 1.75% ต่อปี โดยให้มีผลทันที ซึ่งสะท้อนว่าวัฏจักรขาลงของดอกเบี้ยไทยยังคงดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง
ดังนั้น ในวันนี้ “ข่าวหุ้นธุรกิจ” จะพาไปติดตามแนวโน้มของ 3 บริษัทในกลุ่มลีสซิ่ง (Leasing) ที่จะได้รับประโยชน์จากการลดดอกเบี้ยของกนง. เนื่องจากบริษัทลีสซิ่งต้องพึ่งพาเงินกู้จากธนาคารเพื่อนำไปปล่อยสินเชื่อ ดอกเบี้ยที่ลดลงจึงทำให้ต้นทุนทางการเงินลดลง ซึ่งจะทำให้กำไรของบริษัทนั้น ๆ ดีขึ้น
โดยเริ่มจากบริษัท เมืองไทย แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) หรือ MTC บริษัทหลักทรัพย์ ฟิลลิป (ประเทศไทย) ระบุว่า ผู้บริหารตั้งเป้าสินเชื่อปี 2568 โต 15% รวมทั้งจะคุมคุณภาพสินทรัพย์ให้หนี้ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ต่ำกว่า 2.7% และต้นทุนความเสี่ยงของสินเชื่อที่ไม่ได้รับการชำระคืนเงินต้นและดอกเบี้ย (Credit Cost) มากกว่า 2.8% ของสินเชื่อเฉลี่ย และต้นทุนทางการเงิน (Cost of fund) ที่ราว 4.6% แต่มีโอกาสช่วงครึ่งหลังปีนี้ดอกเบี้ยลดลง จะส่งผลให้ cost of fund ลดลงได้ ทางด้านเป้าอัตราส่วนค่าใช้จ่ายดำเนินงานต่อรายได้รวม (cost to income ratio) ราว 47-48%
ทั้งนี้ โดยปกติไตรมาส 1 ถือเป็นโลว์ซีซั่น (Low season) ขณะที่ไตรมาส 2-3 จะเป็นช่วงไฮซีซั่น (High season) ซึ่งน่าจะเติบโตได้ดีขึ้นเป็นลำดับ และน่าจะเติบโตได้ตามเป้า 15% ได้ ขณะที่โครงการ “คุณสู้เราช่วย” ผลเป็นบวกต่อ MTC มากกว่าลบ จาก soft loan ดอกเบี้ยต่ำ และน่าจะลด NPL ลงไปได้ด้วย
MTC มีลุ้นทำกำไรนิวไฮต่อเนื่องในปีนี้ สถานการณ์ขาดทุนรถยึดราคาเริ่มกลับมาเป็นปกติ การรุกขยายสินเชื่อโดยเน้นสินเชื่อที่มีหลักประกันจะลดความเสี่ยงได้ในระดับหนึ่ง และการมีแหล่งเงินกู้ทั้งในและต่างประเทศช่วยลดปัญหาด้านสภาพคล่องได้ รวมถึงการมีโอกาสในการขึ้นดอกเบี้ยเงินกู้ ขณะที่แนวโน้มดอกเบี้ยขาลงดีต่อต้นทุน ช่วยเพิ่มอัตรากำไร (margin) ในอนาคต สามารถเติบโตได้ต่อเนื่องในปีนี้และปีหน้า
บริษัท ศรีสวัสดิ์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SAWAD ถูกคาดการณ์กำไรไตรมาส 1 นี้ ที่ 1.2 พันล้านบาท ลดลง 2.4% จากรายได้ดอกเบี้ยลดลงตามผลตอบแทนสินเชื่อที่ลดลง แม้ค่าใช้จ่ายดอกเบี้ย ค่าใช้จ่าย และการตั้งสำรองจะลดลงก็ตาม แต่จะดีขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน 0.5%
สินเชื่อจะกลับมาเติบโตได้อีกครั้งราว 3% จากไตรมาสก่อน หลังสินเชื่อหดตัวติดต่อกันมา 3 ไตรมาสจากการเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อ และการเตรียมเงินเผื่อชำระดอกเบี้ยเงินกู้-หุ้นกู้ แต่ NPL จะเพิ่มขึ้นอยู่ที่ 3.47% ทั้งปี 2568 มองกำไรไว้ที่ 5.3 พันล้านบาท โต 4% จากปีก่อน
บริษัท เงินติดล้อ จำกัด (มหาชน) หรือ NTL บริษัทหลักทรัพย์อินโนเวสท์ เอกซ์ ชี้ว่ามูลค่าหรือ valuation ถูกที่สุด และกําไรปี 2568 จะเติบโต 12% หนุนจากสินเชื่อและรายได้ค่าธรรมเนียมที่โตปานกลาง พร้อมกับ credit cost ลดลง อย่างไรก็ตามหุ้นตัวนี้ถูกปรับราคาเป้าหมายลงจาก 21 บาท เหลือ 18 บาท เพื่อสะท้อนความเสี่ยงจากสงครามการค้า คาดกําไรไตรมาส 1 โต 4% จากงวดปีก่อน จากรายได้เพิ่มขึ้น รวมทั้งยังถูกจับตาหลังจากปรับโครงสร้างเป็น holding company ซึ่งจะแล้วเสร็จในช่วงกลางเดือน พ.ค.นี้
ทั้งนี้ จากการสำรวจของ “ข่าวหุ้นธุรกิจ” หุ้นของทั้ง 3 บริษัทได้รับคำแนะนำ “ซื้อ” จากโบรกเกอร์ โดย MTC มีราคาเป้าหมายเฉลี่ย 55.11 บาท ส่วน SAWAD อยู่ที่ 37.36 บาท และ NTL อยู่ที่ 19.69 บาท
บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส ระบุว่า ดอกเบี้ยขาลงดูมีอุปสรรค โดยทิศทางเงินเฟ้อมีแนวโน้มคาดการณ์ได้ยากขึ้น เนื่องจากมีทั้งแรงกดดัน เช่น ราคาน้ำมันโลกชะลอตัวลงต่อเนื่องนับแต่ต้นปี 2568 ขณะที่ก็มีแรงหนุนเข้ามาในเวลาเดียวกัน โดยทั้ง MTC-SAWAD-NTL ยังคงมีความโดดเด่นในตัวเอง