
เวียดนามโกลด์วีซ่า..หอกข้างแคร่ท่องเที่ยวไทย
จากสถิติตัวเลขจำนวนนักท่องเที่ยวจีน ช่วงเดือนมี.ค. 68 พบว่า เดินทางเข้าไทยมีเพียง 297,000 คน ลดลงจากเดือนก.พ. 68 ที่มี 372,000 คน
จากสถิติตัวเลขจำนวนนักท่องเที่ยวจีน ช่วงเดือนมี.ค. 68 พบว่า เดินทางเข้าไทยมีเพียง 297,000 คน ลดลงจากเดือนก.พ. 68 ที่มี 372,000 คน แต่นักท่องเที่ยวจีน เดินทางเข้าเวียดนาม เพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดดเป็น 631,000 คน จาก 381,000 คน ช่วงเดือน ก.พ. 68
นี่คือ “สัญญาณเตือนภัยด้านท่องเที่ยวไทย” อย่างชัดเจนว่าการฝากผีฝากไข้ไว้กับนักท่องเที่ยวจีนจะไม่ใช่ทางเลือกหรือ ทางออกสำหรับการท่องเที่ยวไทยอีกต่อไปแล้ว..!!??
ทว่า..สิ่งตอกย้ำ “หนามยอกอก” ที่กำลังจะเกิดขึ้นกับท่องเที่ยวไทยมากขึ้นอีก..!!
นั่นคือ “เวียดนาม” ประกาศยกระดับสู่ฮับท่องเที่ยวและการลงทุนแห่งใหม่ของอาเซียน ด้วยการเปิดตัว “วีซ่าทองคำ 10 ปี” เป้าหมายเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวระยะยาว นักลงทุน และผู้เชี่ยวชาญด้านต่าง ๆ พร้อมเดินหน้าสู่ยุคดิจิทัลเต็มรูปแบบในการขอวีซ่า
สำหรับแผนระยะยาวเวียดนาม คือ การเปลี่ยนภาพลักษณ์จากจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวระยะสั้น สู่การเป็น “ฮับการท่องเที่ยว” อย่างยั่งยืน ด้วยการมอบสิทธิพำนักระยะยาวแบบต่ออายุได้ แก่ผู้ที่มีส่วนสำคัญต่อการท่องเที่ยว นวัตกรรมหรือเศรษฐกิจของประเทศ
กระบวนการขอวีซ่าเวียดนาม ผูกมิตรกับระบบดิจิทัลมากขึ้นเรื่อย ๆ ขณะนี้วีซ่าอิเล็กทรอนิกส์ (eVisa) สำหรับการท่องเที่ยวและการเดินทางเพื่อธุรกิจระยะสั้นสามารถดำเนินการได้ทั้งหมดทางออนไลน์ ไม่จำเป็นต้องเดินทางไปสถานทูต และการเปิดตัววีซ่าทองคำ..จะเป็นไปในทิศทางเดียวกัน
นอกเหนือจากโอกาสทางเศรษฐกิจแล้ว เวียดนาม มีไลฟ์สไตล์ที่ผสานเสน่ห์แบบดั้งเดิม เข้ากับความสะดวกสบายสมัยใหม่ได้อย่างลงตัว เมืองต่าง ๆ เช่น โฮจิมินห์ ฮานอย และดานัง เป็นที่รู้จักในด้านความปลอดภัย ค่าครองชีพที่ไม่สูง และทางเลือกที่เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ของโรงเรียนนานาชาติ โรงพยาบาลและที่อยู่อาศัย ตั้งแต่ขุนเขาในสายหมอกของซาปา จนถึงชายหาดญาจาง จากตรอกอาหารริมทางอันคึกคักของฮานอย จนถึงวัดเก่าแก่ในเมืองเว้..
สำหรับเวียดนาม มีนักท่องเที่ยวต่างชาติ เดินทางเข้าประเทศกว่า 7.67 ล้านคนช่วงเดือนม.ค.-เม.ย. 68 เพิ่มขึ้น 23.8% เมื่อเทียบช่วงเวลาเดียวกันปีก่อน ตามรายงานจากสำนักงานการท่องเที่ยวแห่งชาติของเวียดนาม ณ วันที่ 6 พ.ค. 68 ที่ผ่านมา
โดย “จีน” เป็นแหล่งนักท่องเที่ยวหลัก โดยมีนักท่องเที่ยว เข้ามาทั้งหมด 1.95 ล้านคน คิดเป็น 25.4% ของทั้งหมด รองลงมา คือ สาธารณรัฐเกาหลี ที่มีนักท่องเที่ยว 1.58 ล้านคน คิดเป็น 20.6%) ส่วนตลาดสำคัญอื่น ๆ ได้แก่ ไต้หวัน 440,000 คน และสหรัฐฯ 323,000 คน
ขณะที่ญี่ปุ่น-กัมพูชา-ออสเตรเลีย-อินเดีย-มาเลเซีย-และไทย ถือว่าอยู่ในกลุ่ม 10 อันดับแรกของตลาดนักท่องเที่ยวเวียดนามด้วยเช่นกัน
โดยการเดินทางมาจากจีน เพิ่มขึ้นถึง 56.7% เมื่อเทียบปีก่อน ขณะที่ญี่ปุ่นเพิ่มขึ้น 18.9% การเพิ่มขึ้นเล็กน้อยยังพบได้จากไต้หวันเพิ่มขึ้น 5.2% สหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 7.2% ส่วนประเทศเพื่อนบ้านอาเซียนหลายประเทศ มีการเติบโตที่น่าสนใจ อย่างฟิลิปปินส์ เพิ่มขึ้น 98.3% กัมพูชา เพิ่มขึ้น 79.6% และสปป.ลาว เพิ่มขึ้น 44.7% แต่สิงคโปร์ ลดลงเล็กน้อย 0.9%
ส่วนตลาดยุโรป มีตัวเลขการเติบโตอย่างมั่นคง โดยเฉพาะตลาดที่ได้รับประโยชน์จากนโยบาย ยกเว้นวีซ่าผ่านทางของเวียดนาม โดยรัสเซีย เพิ่มขึ้นมากถึง 110.9%, อิตาลี เพิ่มขึ้น 32.6%, ฝรั่งเศส เพิ่มขึ้น 24.7%, สหราชอาณาจักร เพิ่มขึ้น 20.7%, เยอรมนี เพิ่มขึ้น 18.8%, สเปน เพิ่มขึ้น 12.9%, เดนมาร์ก เพิ่มขึ้น 12.7%, สวีเดน เพิ่มขึ้น 16.3% และนอร์เวย์ เพิ่มขึ้น 11.5% ทำให้ยุโรป เป็นตลาดนักท่องเที่ยวใหญ่สุด มีนักท่องเที่ยวกว่า 166,000 คน ช่วง 4 เดือนแรกที่ผ่านมา
สำนักงานการท่องเที่ยวแห่งชาติเวียดนาม มีแผนจะดำเนินการแคมเปญส่งเสริมการท่องเที่ยวระดับนานาชาติหลัก 7 โครงการ ช่วงปี 2025 โดยมีเป้าหมายดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติปีนี้ประมาณ 22-23 ล้านคน
แหละนี่คือ “หอกข้างแคร่ท่องเที่ยวไทย” อย่างแท้จริง..!!??
สุภชัย ปกป้อง