
กัลฟ์…มาตามนัด…New High
หลังจากสร้างปรากฏการณ์มาตามนัด...และดีกว่าคาด...สำหรับผลประกอบการของ GULF ที่กำไรสุทธิไตรมาส 1/2568 พุ่งทะลุมาที่ 5,395 ล้านบาท
เส้นทางนักลงทุน
หลังจากสร้างปรากฏการณ์มาตามนัด…และดีกว่าคาด…สำหรับผลประกอบการของบริษัท กัลฟ์ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF ที่กำไรสุทธิไตรมาส 1/2568 พุ่งทะลุมาที่ 5,395 ล้านบาท (ก่อนการควบรวมบริษัท) เติบโต 54% สูงสุดเป็นประวัติการณ์ ขณะที่มีรายได้รวม (total revenue) อยู่ที่ 32,343 ล้านบาท ใกล้เคียงกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ทำให้ GULF ถูกจับตามองว่าไตรมาส 2/2568 จะต้องไม่น้อยหน้าไปกว่านี้
หลัก ๆ แล้วผลการดำเนินงานของ GULF ในไตรมาส 1/2568 ดีขึ้นเพราะการเติบโตของธุรกิจโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติรับรู้ผลกำไรเต็มไตรมาสครบทั้ง 4 หน่วย (2,650 เมกะวัตต์) ของโครงการโรงไฟฟ้ากัลฟ์ ปลวกแดง (GPD) ซึ่งเป็นโรงไฟฟ้า IPP ภายใต้กลุ่ม IPD โดยทยอยเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ตั้งแต่ปี 2566 ถึงปี 2567
นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังรับรู้ผลกำไรเต็มไตรมาสของโครงการโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติหินกอง (HKP) ซึ่งได้เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ครบทั้ง 2 หน่วย (1,540 เมกะวัตต์) โดยหน่วยที่ 2 ได้เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วในเดือนมกราคม 2568
อีกทั้ง ในไตรมาส 1/2568 บริษัทฯ เริ่มรับรู้ผลกำไรจากโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนพื้นดิน (solar farms) และโครงการพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนพื้นดินร่วมกับระบบกักเก็บพลังงาน (solar farms with battery energy storage systems) ในประเทศ จำนวน 5 โครงการ (532 เมกะวัตต์) ซึ่งบริษัทฯ ถือหุ้นในสัดส่วน 100% และได้เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ในเดือนธันวาคม 2567 โดยบริษัทฯ รับรู้ผลกำไรจากโครงการดังกล่าวจำนวน 206 ล้านบาท ในไตรมาสนี้
รวมถึงบริษัทฯ ยังรับรู้ส่วนแบ่งกำไร core profit จากโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมภายใต้กลุ่ม Gulf Gunkul จำนวน 226 ล้านบาท ในไตรมาส 1/2568 เพิ่มขึ้น 147% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน จากความเร็วลมเฉลี่ยที่เพิ่มขึ้นจาก 4.8 เมตร/วินาที ในไตรมาส 1/2567 เป็น 6.6 เมตร/วินาที ในไตรมาสนี้
และในไตรมาส 1/2568 ยังรับรู้ส่วนแบ่งกำไร core profit จากการลงทุนใน INTUCH จำนวน 1,927 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 22% จาก 1,575 ล้านบาท ในไตรมาส 1/2567
ความคาดหวังต่อ GULF ในลำดับถัดไป นั่นคือควรจะต้องเติบโตต่อเนื่องจากพื้นฐานที่แข็งแกร่งในระยะยาว โดยเฉพาะการสร้างสถิติสูงสุดครั้งใหม่สำหรับผลกำไรในไตรมาส 2/2568
บริษัทหลักทรัพย์ แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) เชื่อมั่นว่ากำไรปกติไตรมาส 2 นี้ จะทำสถิติสูงสุดครั้งใหม่ต่อเนื่อง หนุนโดยการรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจาก ADVANC หลังเปลี่ยนเป็นถือหุ้นทางตรงด้วยสัดส่วนที่เพิ่มขึ้น, รายได้เงินปันผลจาก KBANK ซึ่งคาดรับรู้รายได้ราว 870 ล้านบาท จากการถือหุ้น 82.7 ล้านหุ้น รวมถึงกำไรจากโรงไฟฟ้าก๊าซฯ ทั้ง IPP และ SPP เพิ่มขึ้น ตามมาร์จิ้นของ SPP เพิ่มขึ้น เพราะต้นทุนก๊าซฯ ลดลงมากกว่าค่า Ft ที่ลดลง และหยุดซ่อมบำรุงลดลง
ขณะที่ บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด มองช่วงสั้นไตรมาส 2/2568 กําไรปกติจะอ่อนตัวลงจากไตรมาสก่อน กดดันจากส่วนแบ่งกําไรของกลุ่มบริษัทร่วมที่คาดปรับตัวลดลงตามช่วงฤดูกาล เพราะเข้าสู่ช่วงโลว์ของกระแสลมทั้งในไทย เยอรมนี และโรงไฟฟ้า Jackson ในอเมริกา ที่จะมีปริมาณขายไฟฟ้าลดลง หลังผ่านพ้นช่วงฤดูหนาวในช่วงต้นปี ประกอบกับอัตรากําไรของกลุ่มโรงไฟฟ้า SPP จะปรับตัวลงต่อเนื่องจากไตรมาสก่อน เนื่องจากนโยบายการปรับลดค่า Ft ในงวดพ.ค.-ส.ค. 2568 ลงอีก 17 สตางค์/หน่วย
อย่างไรก็ตาม หากมองยาวกำไรทั้งปี 2568 (ไม่รวมควบรวม INTUCH) ที่ 2.1 หมื่นล้านบาท เติบโต 15.3% จากปีก่อน มีแรงหนุนหลักจากการรับรู้โครงการใหม่ ๆ ที่ COD ในปี 2567 ราว 1.6 พันเมกะวัตต์ ได้เต็มที่ทั้งปี และมีโครงการใหม่ที่ทยอย COD ในปี 2568 อีกราว 731.6 เมกะวัตต์ รวมถึงยังมีการเติบโตจากธุรกิจใหม่ ๆ ทั้ง Cloud และ Data Center
ส่วนบริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด ได้ปรับประมาณการกำไรปี 2568-2569 ขึ้นเป็น 26,268 ล้านบาท และ 28,776 ล้านบาท ตามลำดับ เพื่อสะท้อน ARPU ของ ADVANC ที่เพิ่มขึ้นเร็วกว่าคาด
งานนี้ก็ต้องถือว่า GULF…มาตามนัด…New High แล้ว และจะ New High อีก