DMT ฟ้องแลกต่อสัญญา.!?

ล่วงเลยเวลามาเกือบ 3 ปีแล้ว กับการแพร่ระบาดของโควิด-19 หลาย ๆ ธุรกิจ และหลาย ๆ บริษัทแทบจะกลับสู่ภาวะปกติ หรือสู่ภาวะปกติกันแล้ว


ล่วงเลยเวลามาเกือบ 3 ปีแล้ว กับการแพร่ระบาดของโควิด-19 หลาย ๆ ธุรกิจ และหลาย ๆ บริษัทแทบจะกลับสู่ภาวะปกติ หรือบางบริษัทก็กลับสู่ภาวะปกติกันแล้ว ตอนนี้ผู้คนกลับมาใช้ชีวิตนอกบ้าน เดินทางกันด้วยรถไฟ เรือเมล์กันตามปกติหมดแล้ว…

แต่มาวันนี้ จู่ ๆ บริษัท ทางยกระดับดอนเมือง จำกัด (มหาชน) หรือ DMT เจ้าของสัมปทานทางยกระดับอุตราภิมุข หรือ “ดอนเมืองโทลล์เวย์” ยื่นข้อพิพาทต่อสถาบันอนุญาโตตุลาการ เพื่อขอเงินเยียวยาจำนวน 2,307.89 ล้านบาท จากกรมทางหลวง 

โดยอ้างว่า ในช่วงระหว่างปี 2563-2565 ที่เกิดการแพร่ระบาดของโควิต19 บริษัทฯ ได้รับผลกระทบจากปริมาณการจราจรที่ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ ถ้าประเมินจากประมาณการจราจรที่หายไปจำนวน 63,804,258 คัน จะคิดเป็นรายได้ค่าผ่านทางที่สูญเสียไปรวม 4,297.79 ล้านบาท ทำให้เกิดผลเสียต่อฐานะการเงินของบริษัทฯ คิดเป็นเงิน 2,307.89 ล้านบาท…บริษัทฯ เลยยื่นขอเงินเยียวยาจากกรมทางหลวงไป… 

แต่จนบัดนี้ก็ยังไม่มีเสียงตอบรับจากกรมทางหลวง…เลยเป็นที่มาของการยื่นข้อพิพาทต่ออนุญาโตฯ เพื่อขอเงินเยียวยาดังกล่าว

ก็น่าคิดทางด่วนเส้นทางอื่น ๆ ก็ไม่ได้ยื่นขอเงินเยียวยาจากภาครัฐฯ นะ…ทุกเจ้าก้มหน้ารับความเสี่ยงกันไป และเข้าใจดีว่าเป็นเหตุสุดวิสัย ไม่ใช่ความผิดของใคร แต่ DMT ดันโยนบาปให้กับกรมทางหลวงซะงั้น…มันถูกต้องหรือเจ้าคะ..??

ที่น่าสนใจ ถ้าไปดูสัญญาสัมปทานของ DMT ซึ่งจะสิ้นสุดในปี 2577 ก็เหลือเวลาไม่เยอะแล้ว…ถ้าดูจากเงื่อนตายสัญญาสัมปทาน ก็น่าขบคิดว่าการยื่นข้อพิพาทครั้งนี้ อาจไม่ได้หวังแค่เงินหรือเปล่า..?? อาจจะมีนัยแอบแฝงซ่อนอยู่ก็ได้…ใครจะไปรู้

ว่ากันว่าอาจเป็นเกมต่อรองเพื่อสร้างเงื่อนไขให้มีข้อผูกพัน…เพราะหากข้อพิพาทจบก่อนปี 2577 ถ้าอนุญาโตฯ บ้าจี้ตาม DMT สั่งกรมทางหลวงให้เยียวยาจริง ก็จะเป็นเหตุให้มีการร้องศาลปกครองเพื่อบังคับใช้คำสั่งของอนุญาโตฯ ให้มีผลทางกฎหมาย ซึ่งตามกระบวนการจะใช้เวลานานหลายปี

นั่นหมายถึงมีข้อผูกพัน ที่สามารถหยิบยกมาเป็นข้ออ้างในการต่อสัญญาสัมปทานได้นะ…อาจมีการยื่นข้อเสนอกับกรมทางหลวงไม่ต้องชดใช้เงินก็ได้ เพื่อแลกกับการต่อสัมปทานไปอีกหลายสิบปี…

อีกทั้งจะเป็นบรรทัดฐานให้ทางด่วนเส้นทางอื่นยื่นขอรับเงินเยียวยาบ้างก็ได้…มีหวังได้เห็นหน่วยงานรัฐกระเป๋าฉีกแหง ๆ…

แต่เกมนี้หาก DMT พ่ายแพ้ ก็เสมอตัว ไม่ได้เสียหายอะไร…จริงมั้ย..??

ถ้าจำกันได้เมื่อปลายปีที่แล้ว ก็มีความพยาย๊ามพยายามสร้างเงื่อนไขเพื่อต่อสัญญาสัมปทานมาแล้ว โดยเอาผู้ใช้รถเป็นตัวประกัน จากการปรับขึ้นอัตราค่าผ่านทาง 5-10 บาท โดยช่วงดินแดง-ดอนเมือง จาก 80 บาท ขึ้นเป็น 90 บาท และช่วงดอนเมือง-อนุสรณ์สถาน จาก 35 บาท ขึ้นเป็น 40 บาท 

ตอนนั้นก็มีข้อเสนอว่า ไม่ปรับขึ้นค่าผ่านทางก็ได้นะ แต่ต้องแลกกับการต่อสัมปทานให้กับ DMT

ดีนะที่เจ้ากระทรวงคมนาคม “สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ” ไม่บ้าจี้ไปด้วย… 

แหม๊…ทำเป็นขอใจแลกเบอร์โทรไปได้..!?

แล้วต้องไม่ลืมว่า สินทรัพย์หลักที่ทำเงินให้กับ DMT ปีละ 2,000-3,000 ล้านบาท เป็นรายได้ค่าผ่านทางดอนเมืองโทลล์เวย์ ซึ่งหากไม่ได้ต่อสัญญา รายได้จากส่วนนี้ก็จะหายวั๊บไปกับตา ถึงเวลานั้นถ้ากรมทางหลวงใจดีว่าจ้าง DMT  ให้เป็นผู้ดูแลซ่อมบำรุงทางด่วน ก็จะจ่ายเป็นค่าจ้างในการดูแลซ่อมบำรุง ซึ่งน้อยมากเมื่อเทียบกับรายได้จากค่าผ่านทางที่ DMT สุขเกษมเปรมปรีดิ์มานานหลายสิบปี

ครั้นจะหวังพึ่งพาโครงการใหม่ ๆ ของภาครัฐ ก็ยังเป็นหมัน…ไม่รู้จะทำคลอด (ประมูล) ได้ชาติปางไหน..? อาทิ โครงการ M82 (โครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง สายบางขุนเทียน-บ้านแพ้ว) โครงการ M5 (ส่วนต่อขยายทางยกระดับอุตราภิมุข ช่วงรังสิต-บางปะอิน)  เป็นต้น

การได้ต่อสัญญาสัมปทานทางด่วนโทลล์เวย์ จึงเป็นตัวชี้เป็นชี้ตายอนาคต DMT ว่าจะอยู่หรือไป…

เกมนี้เลยถูกมองว่าฟ้องเพื่อแลกต่อสัญญา..!?

แต่ถ้าไม่ใช่…ก็เอาปากกามาวงได้น๊า…

…อิ อิ อิ…

Back to top button