พาราสาวะถี

เป็นไปตามที่ แพทองธาร ชินวัตร แถลงหลังนั่งหัวโต๊ะประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ หรือ สมช.ไปเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา กระบวนการจัดการปัญหาชายแดนที่มีข้อพิพาทระหว่างไทยกับกัมพูชา ในแง่ของการปฏิบัติฝ่ายกองทัพมีอำนาจตามกฎหมายที่จะสามารถดำเนินการได้อยู่แล้ว รัฐบาลทำหน้าที่ผู้สนับสนุนอย่างเต็มที่ หลังประชุมผู้บัญชาการเหล่าทัพ จึงตามมาด้วยการออกคำสั่งของกองทัพบก ให้มีการควบคุมจุดผ่านแดนทุกประเภทตลอดแนวชายแดนไทย–กัมพูชา เพื่อรักษาอธิปไตย บูรณภาพแห่งดินแดน และความมั่นคงของชาติ

มีการอธิบายจาก พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก คำสั่งดังกล่าวไม่ได้ใช้มาตรการสูงสุดทันที แต่เป็นแนวทางปฏิบัติแบบขั้นตอน พิจารณาจากระดับความรุนแรงของสถานการณ์ในแต่ละพื้นที่ แบ่งออกเป็น 4 ขั้นตอนหลักคือ ขั้นที่ 1 จำกัดการผ่านแดนโดยอนุญาตเฉพาะบุคคลที่มีเหตุจำเป็น เช่น การค้าขาย การขนส่งสินค้า แรงงาน และงานจำเป็นอื่น ๆ โดยจำกัดและเพิ่มระดับความเข้มงวดในการตรวจสอบบุคคลที่มีพฤติกรรมเสี่ยง เช่น นักพนัน หรือกลุ่มที่อาจเกี่ยวข้องกับกิจกรรมผิดกฎหมาย

ขั้นที่ 2 ปรับลดช่วงเวลาในการเปิด–ปิดจุดผ่านแดน พร้อมทั้งกำหนดวัน–เวลาการเข้า–ออกอย่างชัดเจน เพื่อควบคุมความเคลื่อนไหวของบุคคลและกิจกรรมในพื้นที่ชายแดน ขั้นที่ 3 ปิดจุดผ่านแดนบางจุด โดยพิจารณาจากจุดที่มีความเสี่ยงสูง หรือมีข้อมูลด้านความมั่นคงที่อาจนำไปสู่การรุกล้ำ หรือการก่อเหตุจากฝ่ายตรงข้าม สุดท้ายขั้นที่ 4 ปิดจุดผ่านแดนตลอดแนวชายแดนในกรณีที่เกิดสถานการณ์วิกฤต หรือมีการรุกรานอย่างชัดเจน เพื่อควบคุมสถานการณ์ในระดับสูงสุด

ทันทีทันใด พลโท บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ได้ออกคำสั่งเปิด-ปิดชายแดนในพื้นที่ โดยมีเงื่อนไขมากขึ้น พร้อมคำสั่งเด็ดขาดงดจ่ายกระแสไฟฟ้าให้ฝั่งกัมพูชาทันควัน หากมีการเพิ่มกำลังจำนวนมาก ด้านจังหวัดจันทบุรี นาวาเอก นพโรจน์ สิริปริยพงศ์ ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธินจันทบุรี ลงนามในหนังสือราชการด่วนที่สุด แจ้งไปยังผู้กำกับการตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดจันทบุรี ให้ระงับนักท่องเที่ยวชาวไทย และชาวกัมพูชา เดินทางผ่านเข้า-ออก ณ จุดผ่านแดนถาวรบ้านแหลม และจุดผ่านแดนถาวรบ้านผักกาด ยกเว้นแรงงานชาวกัมพูชาที่เข้ามาทำงานในประเทศไทย โดยให้การค้าขายระหว่างประเทศเป็นไปตามปกติ

การออกคำสั่งดังกล่าว อ้างอิงตามประกาศให้ใช้กฎอัยการศึกในเขตพื้นที่จังหวัดจันทบุรี เฉพาะอำเภอขลุง อำเภอโป่งน้ำร้อน และอำเภอสอยดาว และตามมาตรา 5 แห่งพระราชบัญญัติกฎอัยการศึก 2547 กำหนดให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายทหารมีอำนาจเหนือเจ้าหน้าที่ฝ่ายพลเรือน เกี่ยวกับการยุทธ์ การระงับปราบปราม หรือการรักษาความสงบเรียบร้อย และเจ้าหน้าที่ฝ่ายพลเรือนต้องปฏิบัติตามความต้องการของเจ้าหน้าที่ฝ่ายทหาร ซึ่งเชื่อว่าจะมีตามมาอีกหลายจุดเป็นการตอบโต้ แค่นี้ฝั่งเขมรก็โอดโอยร้องขอความเห็นใจแล้ว

ทั้งนี้ ในที่ประชุมผู้บัญชาการเหล่าทัพ กองบัญชาการกองทัพไทย กองทัพเรือ กองทัพอากาศ และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้แสดงเจตนารมณ์ร่วมกันอย่างชัดเจนในการสนับสนุนภารกิจของกองทัพบกอย่างเต็มขีดความสามารถ ทั้งในด้านการวางแผน การปฏิบัติการ และการประสานงานกับทุกภาคส่วน เพื่อธำรงไว้ซึ่งเอกราช อธิปไตย และเกียรติภูมิของชาติไทย พร้อมทั้งเน้นย้ำความสำคัญของการดำเนินงานภายใต้หลักสากล การรักษาสันติภาพ และเสถียรภาพของภูมิภาค

ขณะเดียวกัน เพื่อเป็นการชี้ให้เห็นถึงอำนาจและกลไกในการบริหารที่แยกส่วนกันอย่างชัดเจน กองทัพบก กองทัพเรือ กองทัพอากาศ และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ยังยืนยันจะร่วมกันปฏิบัติภารกิจในการสนับสนุนรัฐบาลอย่างเข้มแข็ง โดยเฉพาะการรักษาอธิปไตยบริเวณแนวชายแดนในทุกสถานการณ์ พร้อมย้ำถึงความจำเป็นในการปฏิบัติหน้าที่ภายใต้กรอบรัฐธรรมนูญ ซึ่งทุกเหล่าทัพได้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดและพร้อมสนับสนุนกองทัพบกในทุกมิติ

สิ่งสำคัญที่แพทองธารเน้นย้ำมาตลอด สอดคล้องกับบทสรุปจากที่ประชุมผู้บัญชาการเหล่าทัพนั่นก็คือ ขอให้คนไทยร่วมใจเป็นหนึ่งเดียว ในการใช้วิจารณญาณในการรับข้อมูลข่าวสาร และร่วมเป็นพลังสำคัญในการธำรงความมั่นคง สันติสุข และความสามัคคีของชาติไทยอย่างยั่งยืน พร้อมทั้งขอให้เชื่อมั่นในการปฏิบัติหน้าที่ของกองทัพและสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่จะปกป้องอธิปไตยของชาติ และรักษาความปลอดภัยให้กับประชาชน ทั้งหมดนี้เพื่อป้องกันปัญหาการปลุกระดม สร้างกระแสจนนำไปสู่สถานการณ์ที่ไม่พึงประสงค์

ไม่ว่าจะค่อนขอดแพทองธารต่อการตัดสินใจรับมือสถานการณ์ที่เกิดขึ้น เหมือนจะเกรงใจฝ่ายเขมร เนื่องจากสายสัมพันธ์ระหว่างตระกูลชินวัตรกับตระกูลฮุน ทั้งที่ท่วงทำนองเช่นนี้สะท้อนให้เห็นว่าเป็นวิธีที่ถูกต้อง เพราะการตัดสินใจเรื่องของการจะปะทะหรือสู้รบ ล้วนแต่อยู่ในความรับผิดชอบ การประเมินของฝ่ายกองทัพทั้งสิ้น มาตรการปิดด่านชายแดนอย่างที่กำลังดำเนินการอยู่ ต้องรอดูว่าจะสามารถลดความห้าวของอีกฝ่ายได้ขนาดไหน

สำหรับประเด็นปรับ ครม. อ่านจากลีลาของ อนุทิน ชาญวีรกูล ล่าสุด ทบทวนความจำพรรคแกนนำรัฐบาล ภูมิใจไทยอยู่ดี ๆ ไม่ได้เดินไปขอร่วมรัฐบาล อย่าลืมว่ามาตามคำเชิญของเพื่อไทย จำได้หรือไม่ ก่อนจะหยอดคำหวานเหมือนที่ผ่านมาว่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งการทำงานกับนายกฯ ปัจจุบัน พรรคภูมิใจไทย มีความเต็มใจ ยินดี อยากจะสนับสนุนให้ท่านประสบความสำเร็จในความเป็นนายกฯ ในสมัยนี้ให้สุด การทำงาน ความสัมพันธ์ ความผูกพันกับแพทองธาร โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับตนเป็นความสัมพันธ์ที่เคารพนับถือให้เกียรติกัน ไม่เคยมีปัญหาใด ๆ ในการทำงาน

ก่อนจะย้ำว่า แพทองธารชัดเจนว่ายังไม่มีแนวคิดที่จะปรับ ครม. ไม่รู้ว่าใครที่ยังไม่หยุดเรื่องพวกนี้ พวกตนต้องเชื่อนายกฯ ถ้าตนไม่เชื่อก็ทำงานไม่ได้ ถ้ามัวแต่ห่วงเก้าอี้ กลัวว่าจะหลุด ก็คงไม่ไปเมืองนอก นั่งเฝ้านายกฯ อย่างเดียว ซึ่งมันไม่ใช่แน่นอน เพราะพวกตนเป็นพรรคร่วมรัฐบาล ออกอาการกล้าหือแบบนี้ ย่อมแสดงว่าน่าจะมีอะไรดี ขั้วอนุรักษนิยมในรัฐบาลถึงเวลาต้องหันมาจับมือกัน เพื่อไม่ให้ถูกรุกไล่จากพรรคแกนนำ โดยเฉพาะกับคนที่มีอำนาจอย่างแท้จริง

อรชุน