
กองทุนชอบกระทืบซ้ำ?
ทุกครั้งที่ตลาดหุ้นไทยต้องเผชิญปัญหาอะไรก็แล้วแต่ “โมนิก้า” มักเห็นนักลงทุนที่เป็นกองทุนเผ่นก่อนใครเพื่อนทุกที
ทุกครั้งที่ตลาดหุ้นไทยต้องเผชิญปัญหาอะไรก็แล้วแต่ “โมนิก้า” มักเห็นนักลงทุนที่เป็นกองทุนเผ่นก่อนใครเพื่อนทุกที ซึ่งเป็นภาพจำที่ทำให้อีฉันรู้สึกกังวลทุกครั้งที่ตลาดหุ้นไทยดีดตัวอีกครั้ง เพราะหลังจากนั้นมักเห็นกองทุนถล่มขายแบบไม่มีเยื่อใย เดี๊ยนเลยไม่แปลกใจที่ดัชนีเด้งขึ้นไปถึง 1,082.90 จุด ก่อนจะย่อตัวลงมาปิดที่ระดับ 1,067.63 จุด ลบไป 1.10 จุด ดวยมูลค่าการซื้อขาย 4.95 หมื่นล้านบาท น่าจะเป็นแค่การรีบาวด์ธรรมดา ๆ กระมัง!
ด้วยเหตุดังกล่าวทำให้ “โมนิก้า” ไม่แปลกใจที่นักลงทุนส่วนใหญ่เน้นเล่นรอบ และเรื่องนี้ถูกย้ำหัวหมุดด้วยเหตุการณ์ในช่วง 1 เดือนที่ดัชนีแกว่งตัวลงต่อเนื่อง ขณะที่ตัวความหวังของตลาดหุ้นไทยอย่างกองทุนกลับมียอดขายเดือน มิ.ย. เกือบ 1.35 หมื่นล้าน และเมื่อนับตั้งแต่ต้นปี 68 จนถึงล่าสุดมียอดขายแค่ 1.86 หมื่นล้าน ก็เป็นภาพที่ย้ำชัดว่า กองทุน TESG กับกองทุนวายุภักษ์ ไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้นเหมือนที่คิด และเผลอ ๆ มักเป็นคนกระทืบหุ้นไทยด้วยซ้ำเจ้าค่ะ
โดยจุดที่เป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อสำคัญของตลาดหุ้นไทยต่อจากนี้มีอยู่ด้วยกัน 3 เรื่องใหญ่ ๆ คือ 1.การใช้งบกลางเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ 1.57 แสนล้าน (เป็นเงินที่มาจากการระงับแจกเงินหมื่น) สัมฤทธิ์ผลขนาดไหน? 2.เจรจาการค้ากับประเทศสหรัฐฯ บรรลุผลขนาดไหน? และ 3.การเมืองในประเทศกลับสู่สภาวะราบรื่นขนาดไหน? ซึ่งจะเป็นตัวกำหนดตลาดหุ้นไทยจะหลุดพันจุดหรือเปล่า?
สถานการณ์ข้างต้นทำให้ “โมนิก้า” ต้องเอ่ยถึงหุ้น AOT ก่อนใครเพื่อน เพราะราคาหุ้นที่ต่ำกว่า 30 บาทมันเป็นราคาที่ต่ำสุดในรอบ 10 ปี และการที่หุ้นยืนปิดในระดับ 28.25 บาท บวกไป 0.50 บาท หรือขึ้นไป 1.80% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.41 พันล้านบาท ท่ามกลางปัญหาภายในของบริษัทที่ถาโถมเข้าใส่ และปัญหาเศรษฐกิจชะลอตัว ก็เป็นช็อตที่เสี่ยงเต็มประตูหน้าต่าง แต่ราคาหุ้นที่ต่ำสุด ๆ ขนาดนี้!..ก็ต้องถามใจกองทุนคิดอย่างไรจ๊ะ
เช่นเดียวกับในรายของ VGI ที่ราคาหุ้นรูดหนักก่อนหน้านี้ ล้วนมาจากความผิดหวังที่มีต่อโปรเจกต์ในอนาคต ซึ่งทำให้สภาพของหุ้นดูไม่ดีสักเท่าไหร่? ถึงแม้จะตีตื้นขึ้นมาปิดที่ระดับ 1.99 บาท บวกไป 0.05 บาท หรือขึ้นไป 2.60% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 415 ล้านบาท ก็ยังไม่ใช่จุดที่ทำให้สบายใจสักเท่าไหร่? เพราะสถานการณ์ของบริษัท ณ ตอนนี้..ไม่มีแต้มต่ออะไรทั้งนั้น หุ้นเลยมีโอกาสซึมยาว..ไม่เชื่อลองถามพวกกองทุนดูซิคะ
คล้ายกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นกับหุ้น GPSC ซึ่งเคยเป็นหุ้นที่ได้รับความนิยมในหมู่นักลงทุนสถาบัน แต่สถานการณ์วันนี้กลับไม่มีอะไรที่ทำให้เชื่อว่า พวกสถาบันจะกลับเข้ามาช้อนหุ้นเก็บไว้ในพอร์ต เพราะสิ่งที่เห็นในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมาคือ หุ้นถูกรินขายออกมาตลอดเวลา จนล่าสุดลงมายืนอยู่ที่ระดับ 27.75 บาท ลบไป 1.25 บาท หรือลงไป 4.30% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 319 ล้านบาท และมีโอกาสไหลลงไปหาโลว์เก่าที่เคยยืนแถว 23.50 บาทแบบนี้..ทำไงดีล่ะคะ
อีกรายที่น่าหนักใจก็คือหุ้นปลากระป๋อง TU เพราะถูกรินขายแบบไม่พักเลย จนหุ้นลงมายืนอยู่ที่ระดับ 8.95 บาท ลบไป 0.15 บาท หรือลงไป 1.65% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 456 ล้านบาท พร้อมกับทำราคาต่ำสุดในรอบ 15 ปี (ราคาหุ้นทรุดหนักยิ่งกว่าช่วงโควิดระบาดหนักเสียอีก) “โมนิก้า” เลยรู้สึกกังวลกับสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นต่อจากนี้ เพราะสถานการณ์หลายอย่างมันไม่เอื้อให้กองทุนสวมบทเป็นชาวสวนนะซี
ส่วนรายที่ซึมลงแบบไม่มีวอลุ่ม และกลายเป็นหุ้นที่ไม่ค่อยมีใครพูดถึง “โมนิก้า” ขอมองไปที่หุ้น AEONTS เพื่อชี้ให้เห็นราคาหุ้นในช่วงต้นปีอยู่ที่ 125 บาท แต่วันนี้หุ้นลงมายืนอยู่ที่ 91.75 บาท ลบไป 4.50 บาท หรือลงไป 4.70% ด้วยมูลค่า 53 ล้านบาท ซึ่งเป็นการปรับตัวลง 25% แบบนี้..อีฉันพูดได้ทันทีว่า หุ้นมีโอกาสซึมลงเรื่อย ๆ อย่างไม่ต้องสงสัย เพราะสิ่งที่นักลงทุนกังวลคือ สินเชื่อไม่โต ขณะที่หนี้เสียปูด..แล้วหุ้นจะฟื้นได้อย่างไรในภาวะเช่นนี้เจ้าค่ะ
โมนิก้าและทีมงาน