
พาราสาวะถี
มันต้องเป็นไปเช่นนั้นแล คงต้องทนต่อเสียงกระแนะกระแหนไม่เว้นแต่ละวัน สำหรับ พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ
มันต้องเป็นไปเช่นนั้นแล คงต้องทนต่อเสียงกระแนะกระแหนไม่เว้นแต่ละวัน สำหรับ พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ หลังจากมีการเรียกประชุมกรรมการบริหารพรรค แล้วตามมาด้วยข่าวว่า เสนอเงื่อนไขไปยังพรรคเพื่อไทยในฐานะแกนนำรัฐบาล ให้เปลี่ยนตัวนายกรัฐมนตรี จาก แพทองธาร ชินวัตร เป็น ชัยเกษม นิติสิริ แคนดิเดตหนึ่งเดียวของพรรคที่เหลืออยู่ รู้กันอยู่แล้ว ถ้าอยากไปต่อใครจะบ้าไปชงเงื่อนไขสุดโต่งขนาดนั้น
ทุกอย่างก็กระจ่างชัดหลังจาก แพทองธารนัดพรรคร่วมรัฐบาลหารือกันที่โรงแรมโรส วูด เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ทุกพรรคพร้อมหนุนให้นายกฯ หญิงอยู่ในเก้าอี้ต่อไป โดยเฉพาะพีระพันธุ์ซึ่งในวงหารือแสดงท่าทีสนับสนุนอุ๊งอิ๊งอย่างเต็มที่ พร้อมร่วมทำงานต่อไป ไม่ใช่เรื่องเหนือความคาดหมายใด ๆ ทุกความเคลื่อนไหวล้วนแต่เป็นท่าที และบทบาทที่แต่ละพรรคจำเป็นต้องแสดง ในภาวะที่สถานการณ์การเมืองไม่ปกติ จากเดิมทีคิดว่าปมคลิปเสียงจะสั่นคลอนผู้นำและพรรคแกนนำอย่างหนัก แต่กลับเป็นไปทางตรงข้าม
นั่นเป็นเพราะ รัฐบาลและกองทัพเลือกที่จะยึดความมั่นคงของประเทศชาติเป็นหลัก ในเมื่ออีกฝ่ายเล่นเกมที่ไร้มารยาท ถึงขนาดที่ว่ากันว่าเป็นพฤติกรรมสกปรก และทำท่าว่าจะยกระดับความขัดแย้งกับประเทศไทยให้หนักหน่วงขึ้น จึงเป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่แพทองธารได้ยืนยันต่อแกนนำทุกพรรคถึงสถานการณ์รัฐบาล หลังจากไม่มีภูมิใจไทยร่วมด้วยว่า จะเดินหน้าทำหน้าที่นายกฯ เพราะเรื่องสำคัญขณะนี้คือ สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งกองทัพได้ร่วมมือกับรัฐบาลเป็นอย่างดี พร้อมเชื่อมั่นจะรักษาดินแดนและอธิปไตยของประเทศได้อย่างแน่นอน
ไม่เพียงเท่านั้น ยังได้มีการโพสต์หลังการหารือตอกย้ำด้วยว่า ประเทศชาติต้องเดินไปข้างหน้า สามัคคีประเทศไทย รวมพลังผลักดันนโยบาย แก้ไขปัญหาเพื่อประชาชน ร่วมกันสร้างเสถียรภาพทางการเมือง เพื่อรับมือต่อภัยคุกคามความมั่นคงของชาติจากภายนอก และขับเคลื่อนนโยบายแก้ไขปัญหาให้ประชาชน ในช่วงเวลาที่รัฐบาลกับกองทัพมีจุดยืนร่วมกัน ยืนยันหลักการประชาธิปไตย ปฏิบัติหน้าที่ตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญและรวมพลังสามัคคี
ความเป็นหนึ่งเดียวของพรรคร่วมรัฐบาล จะเป็นหมุดหมายสำคัญในการผนึกกำลังกันของคนไทย ก้าวผ่านสถานการณ์อ่อนไหวนี้ด้วยความมั่นคง และประสบผลสำเร็จในการปกป้องอธิปไตย ธำรงไว้ซึ่งเกียรติยศศักดิ์ศรีของประเทศชาติและประชาชน และเป็นการยืนยันถึงจุดตั้งต้นของรัฐบาลพลิกขั้วที่ถือธงก้าวข้ามความขัดแย้ง ด้วยความเชื่อมั่นว่าไม่มีภัยคุกคามใดจะเหนือกว่าพลังสามัคคีของคนไทย และประกาศรัฐบาลจะทำงานหนักร่วมกันด้วยความมุ่งมั่นทุ่มเท เพื่อประเทศไทย
กระบวนการขณะนี้ เป็นช่วงเวลาที่แต่ละพรรคต้องส่งชื่อผู้ที่เสนอให้เป็นรัฐมนตรี เพื่อนำไปตรวจสอบคุณสมบัติ หากทุกอย่างผ่านเรียบร้อย ได้ข้อสรุป จะมีการนัดแกนนำทุกพรรคหารืออีกรอบ อย่างไรก็ตาม การปรับ ครม.จะจบภายในสัปดาห์นี้ เก้าอี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมที่จะถือเป็นไฮไลต์ในภาวะที่ต้องต่อกรกับกัมพูชานั้น เหลือแค่ 2 รายชื่อคือ พลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยกลาโหมปัจจุบันที่อาจจะเลื่อนชั้นไปนั่งว่าการ กับอีกหนึ่งรายคือ พลเอก สุนัย ประภูชะเนย์ อดีตผู้ช่วย ผบ.ทบ. และอดีตผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษ
แคนดิเดตทั้งสองคน มีดีกันคนละอย่าง รายแรกเป็นการมาตามโควตาของรวมไทยสร้างชาติ ฐานะน้องรักของ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา ย่อมได้ผลในแง่ของความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อไทยกับฝ่ายอนุรักษนิยม ขณะเดียวกัน ด้วยความที่เป็นคนทำงานดูเรื่องความขัดแย้งชายแดนไทย-กัมพูชามาอยู่แล้ว ก็จะง่ายในการสานงานต่อ ขณะที่พลเอก สุนัย เป็นประเภททำงานแบบเงียบ ๆ แต่มีความเฉียบขาดในการตัดสินใจ และลงมือทำ น่าจะสอดรับกับสถานการณ์ที่กำลังเป็นอยู่
ไม่เพียงเท่านั้น ในมิติทางการเมืองถือเป็นอดีตนายทหารที่มีความใกล้ชิดกับพรรคเพื่อไทยมาก่อน นั่นย่อมทำให้การประสานความเข้าใจระหว่างฝ่ายการเมืองกับกองทัพน่าจะเป็นไปอย่างราบรื่น ขณะที่สายสัมพันธ์กับบรรดาผู้นำเหล่าทัพที่นั่งบัญชาการอยู่เวลานี้ ถ้ามองย้อนกลับไปยังความเป็นนักเรียนเตรียมทหารรุ่นที่ 21 ถือว่ายังอยู่ในช่วงวัยที่ทันกัน จึงทำให้ในแง่ของการทำความเข้าใจ พูดคุย เพื่อนำไปสู่การแก้ปัญหาด้านความมั่นคงเป็นไปในทิศทางเดียวกัน และเป็นที่ยอมรับของเหล่าคนมีสีได้
คงไม่หนีไปจากนี้สำหรับเก้าอี้รัฐมนตรีกลาโหม ด้านตำแหน่ง มท.1 จากเดิมที่ ประเสริฐ จันทรรวงทอง ถูกวางตัวไว้ อาจต้องยอมหลีกทางให้ ภูมิธรรม เวชยชัย ในฐานะผู้จัดการรัฐบาล ถือเป็นการกลับไปกระทรวงคลองหลอดอีกหน หลังจากเคยไปทำหน้าที่เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยมาแล้วในสมัยที่ ร้อยตำรวจเอก ปุระชัย เปี่ยมสมบูรณ์ เป็นเจ้ากระทรวง สำคัญกว่าสิ่งอื่นใด ตำแหน่งนี้จะสอดรับกับความเป็นรองนายกฯ คนที่ 1 ซึ่งจะต้องทำหน้าที่รักษาการนายกฯ ด้วย กรณีที่แพทองธารถูกสั่งให้หยุดการปฏิบัติหน้าที่ จากที่ประธานวุฒิสภายื่นเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณา
หน้าตาของ ครม.แพทองธารชุดยกเครื่องใหญ่ หากยังคงเต็มไปด้วยคนการเมือง ที่ถูกมองว่าเป็นเพียงการต่างตอบแทนกันทางการเมือง เพื่อรักษาผลประโยชน์ระหว่างพรรคการเมืองร่วมรัฐบาลด้วยกันเอง กระแสอาจจะไหลไปเข้าทางพวกที่กำลังปลุกม็อบรอก่อหวอดกันในวันที่ 28 มิถุนายนนี้ แต่หากมีการเติมคนนอกโดยเฉพาะกระทรวงที่เกี่ยวข้องกับกระทรวงเศรษฐกิจ และแก้ปัญหาปากท้องของประชาชน จนเป็นที่ยอมรับ และสร้างความหวังได้ ภาพย่อมจะเป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้น
ถึงตรงนี้ ด้วยสถานการณ์ชายแดนที่เข้มข้นขึ้นตลอดเวลา มาตรการตอบโต้ที่ทางกองทัพได้ดำเนินการไปถือว่าหนักหน่วง สร้างผลกระทบต่ออีกฝั่งอย่างรุนแรง ถ้าตามมาด้วยการใช้แนวทางเดียวกันกับการกวาดล้างแก๊งคอลเซ็นเตอร์ฝั่งเมียนมาก่อนหน้าคือ ตัดไฟฟ้า ตัดสัญญาณอินเทอร์เน็ต และงดส่งน้ำมัน ที่แพทองธารนั่งหัวโต๊ะประชุมเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา เท่ากับเป็นการยกระดับเข้าสู่โหมดพร้อมปะทะไปโดยปริยาย หมายความว่า เรื่องความมั่นคงจะกลายเป็นจุดสนใจมากกว่าประเด็นอื่น ๆ แม้กระทั่งปมปรับ ครม.
อรชุน