NETA เข้าสู่กระบวนการล้มละลาย

เป็นที่ชัดเจนว่า Zhejiang Hozon New Energy Automobile เป็นบริษัทแม่แบรนด์รถยนต์ไฟฟ้า NETA เดินทาง เข้าสู่กระบวนการล้มละลายอย่างเป็นทางการแล้ว


เป็นที่ชัดเจนว่า Zhejiang Hozon New Energy Automobile เป็นบริษัทแม่แบรนด์รถยนต์ไฟฟ้า NETA เดินทาง เข้าสู่กระบวนการล้มละลายอย่างเป็นทางการแล้ว หลังบริษัทประสบปัญหาด้านการเงินอย่างรุนแรง ซัพพลายเออร์อย่างเช่น Yuxing Advertising บริษัทโฆษณายักษ์ใหญ่ ที่ระบุว่า Hozon ไม่สามารถชำระหนี้ค่าสื่อโฆษณาได้

ที่สำคัญ Hozon มีปัญหาเรื่องการเงินเดือนพนักงาน นำไปสู่การปิดโชว์รูมหลายแห่งในเซี่ยงไฮ้ และเป็นหนี้สูงกว่า 10,000 ล้านหยวน (ประมาณ 50,000 ล้านบาท)

สิ่งที่น่าสะพรึงนับจากนี้ คือ NETA Auto Thailand ที่ก่อนหน้าพยายามปฏิเสธเรื่องการล้มละลายของบริษัทแม่ โดยระบุว่า เป็นเพียงกระบวนการทางกฎหมายปกติ ในการจัดการหนี้สินและเจรจากับคู่ค้าของบริษัท

จากความไม่แน่นอนที่ว่านี้ย่อมส่งผลกระทบโดยตรงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ กับความเชื่อมั่นแบรนด์ NETA รวมทั้งบรรดาซัพพลายเชน ทั้งผู้ผลิตอะไหล่และบริการหลังการขายอื่น ๆ ตลอดจนการซ่อมบำรุงและการเคลมสินค้าต่าง ๆ 

ก่อนที่ NETA จะเดินทางมาถึงวันนี้ โรงงานในประเทศจีนทั้ง 3 แห่งของ NETA มีการหยุดผลิตมาหลายเดือนแล้ว ขณะที่ธุรกิจต่างประเทศยังดำเนินอยู่ แต่เริ่มประสบปัญหาจากการขาดแคลนเงินทุนและปัญหาด้านซัพพลายเชน ส่วนพนักงานรวมถึงระดับผู้บริหารไม่ได้รับเงินเดือนอย่างเต็มจำนวน โดยเฉพาะฝ่ายวิจัยและพัฒนา (R&D) ได้รับเงินเดือนเพียงครึ่งเดียว ทำให้หลายรายอยู่ในขั้นตอนการยื่นลาออกจากบริษัท

บริษัทเริ่มลดจำนวนพนักงานลงนับตั้งแต่เดือนพ.ย. 67 ที่ผ่ามา ทั้ง “แบบสมัครใจและเลิกจ้าง” ถือเป็นส่วนหนึ่งของการลดต้นทุนและควบคุมค่าใช้จ่าย

“เป็นการลดพนักงานเพื่อประคองการดำเนินธุรกิจขั้นพื้นฐานให้เดินต่อไปได้”

โดยระหว่างปี 2564-2566 มีรายได้เติบโตเฉลี่ยปีละ 63.2% แต่กลับมีผลประกอบการขาดทุนต่อเนื่อง เริ่มจากปี 2564 ขาดทุน 4,840 ล้านหยวน (ประมาณ 24,200 ล้านบาท) ปี 2565 ขาดทุน 6,666 ล้านหยวน(ประมาณ 33,330 ล้านบาท) ปี 2566 ขาดทุน 6,867 ล้านหยวน(ประมาณ 34,335 ล้านบาท)

ทำให้ 3 ปี มีผลขาดทุนสะสมมากถึง 18,000 ล้านหยวน (ประมาณ 85,500 ล้านบาท)

ขณะที่บริษัท เนต้า ออโต้ (ประเทศไทย) จำกัด มีการเข้าร่วมโครงการ EV 3.0 และ EV 3.5 ของรัฐบาล ภายใต้กรมสรรพสามิต (กระทรวงการคลัง) และจากข้อมูลสิ้นสุด 30 เม.ย. 68 ค่าย NETA มีรถจดทะเบียนในไทย นำเข้าจากประเทศจีน จำนวนรวม 19,387 คัน (NETA V จำนวน 17,460 คัน และ NETA X จำนวน 1,927 คัน)

นั่นหมายถึง NETA ประเทศไทย ต้องผลิตชดเชยคืนอย่างน้อย 21,440 คัน (จากเงื่อนไขเงินสนับสนุนจากรัฐ EV 3.0 อัตรา 150,000 บาทต่อคัน และ EV 3.5 อัตรา 100,000 บาทต่อคัน) รวมเป็นกว่า 2,663 ล้านบาท

นี่คือวิกฤติใหญ่ NETA ที่บ่งชี้ถึง Mass Market ของ EV กำลังถดถอยอย่างชัดเจน..!! 

แหละเชื่อว่าปรากฏการณ์ครั้งนี้..ไม่น่าจะเกิดขึ้นเพียงแค่แบรนด์ NETA เป็นแน่..เพราะแบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าจีนอีกหลายแห่ง เริ่มเกิดอาการคล้ายคลึงกับ NETA แล้วเช่นกัน..!!

Back to top button