
ขายขี้หน้าสุด ๆ
สิ่งที่ทำให้อีฉันรู้สึกสะอิดสะเอียนมากสุดในภาวะแบบนี้ก็คือ ท่าทีของคนในรัฐบาลที่ยังตะแบงแบบไม่ลืมหูลืมตา ซึ่งเป็นภาพที่ชี้ให้เห็นว่า คนเหล่านี้ซื่อบื้อสิ้นดี
สิ่งที่ทำให้อีฉันรู้สึกสะอิดสะเอียนมากสุดในภาวะแบบนี้ก็คือ ท่าทีของคนในรัฐบาลที่ยังตะแบงแบบไม่ลืมหูลืมตา ซึ่งเป็นภาพที่ชี้ให้เห็นว่า คนเหล่านี้ซื่อบื้อสิ้นดี โดยเฉพาะสิ่งที่ “เผ่าภูมิ” ออกมาย้ำหัวหมุดว่า รัฐบาล ‘อุ๊งอิ๊ง’ จะเป็นคนปั้นจีดีพีโต 3% ทุกไตรมาส พร้อมกับเร่งกระตุ้นเศรษฐกิจ เพื่อดันประเทศไทยขึ้นยืนแถวหน้าเวทีโลก..มันเป็นคำพูดที่เชลียร์นายแบบสุดซอยเลยนะคุณพี่
เนื่องจากเห็นกันทนโท่ว่า ภาษีทรัมป์เรียกเก็บจากประเทศไทยเต็มแม็กซ์ที่ 36% มันกระทบธุรกิจส่งออกอย่างแน่นอน ซึ่งคุณ ๆ ท่าน ๆ ก็คงรับรู้กันไปหมดแล้ว แต่อีกเรื่องที่หลายคนไม่คาดคิดก็คือ สินค้าที่ไม่ได้อยู่ในตลาดหุ้นมันกระทบแรงจนทรุดลงไปกองกับพื้น “โมนิก้า” ถึงรู้สึกสมเพชท่าทีของรัฐบาลของนายใหญ่เหลือเกิน เพราะยังมีนิสัยพ่นน้ำลายไปวัน ๆ เพื่อหลอกให้คนตายใจ แต่เผอิญอีฉันไม่ได้กินหญ้า จึงรู้เช่นเห็นชาติคนเหล่านี้เป็นอย่างดีนะนายจ๋า!
โดยเฉพาะข้อมูลที่ชี้ว่า สหรัฐฯ เป็นประเทศผู้นำเข้าข้าวหอมมะลิรายใหญ่ของไทย เพราะมีการสั่งซื้อปีละ 6.3 แสนตัน หรือคิดเป็นเกือบ 50% ของข้าวหอมมะลิที่ส่งออกไปยังต่างประเทศ โดยตัวเลขส่งออกข้าวหอมมะลิของไทยตกปีละ 1.3 ล้านตัน (ส่งออกข้าวต่าง ๆ ทั้งหมด 10 ล้านตัน)..ตรงนี้แหละที่จะเป็นเอฟเฟกต์กับภาคเกษตรอย่างมีนัยสำคัญ เพราะเป็นที่ทราบกันดีว่า ไทยแข่งเรื่องข้าวกับเวียดนามอย่างดุเดือดมานานแล้ว และไทยเริ่มสู้ไม่ได้มากขึ้นเรื่อย ๆ ไงล่ะคะ
เมื่อไทยเจอเรื่องภาษีทรัมป์ที่ 36% ขณะที่เวียนดนามโดนเก็บภาษีที่ 20% จึงเหมือนเป็นการเตรียมตัวตอกฝาโลงข้าวหอมมะลิไทยในไม่ช้า และเรื่องนี้น่าจะสะเทือนโครงสร้างเศรษฐกิจในประเทศอย่างแน่นอน “โมนิก้า” ถึงเชื่ออย่างบริสุทธิ์ใจว่า ไตรมาส 4 จะเห็นผลกระทบเชิงลบที่วัดออกมาเป็นตัวเลขได้อย่างชัดเจน และเมื่อถึงเวลานั้นขึ้นมาจริง ๆ ก็คงตายหยังเขียดกันเป็นแถวกระมัง!
หากนับรวมเรื่องชิป AI ที่สหรัฐฯ ห้ามส่งออกมาให้ไทย และยักษ์ใหญ่อย่าง “NVIDIA” ตัดสินใจไปตั้งฐานการผลิตที่เวียดนาม ก็จะเห็นภาพการแซงหน้าของคู่แข่งคนสำคัญบนเวทีโลกได้ชัดเจนขึ้น “โมนิก้า” ถึงอยากเท้าความให้นักลงทุนได้เห็นภาพเศรษฐกิจหลังปี 40 ของประเทศไทย มีความรุดหน้าด้วยธุรกิจ “เซมิคอนดักเตอร์ กับ ชิป” ซึ่งถูกเรียกว่า “New Economy” ส่วนภาคธุรกิจอื่น ๆ ก็ขยายตัวเป็นลำดับพะยะค่ะ
คำถามคือ ตอนนี้ประเทศไทยมีธุรกิจอะไรเป็นดาวเด่นระดับโลกบ้าง? และมีธุรกิจไหนที่พอจะสู้กับคู่แข่งในระดับอาเซียนบ้าง? ขณะที่ผู้รู้บางคนได้ให้คำตอบอย่างไม่เป็นทางการว่า ไม่มี! อีฉันเลยเกิดอาการหน้าชาขึ้นมากะทันหัน และมึนตึ้บไปชั่วขณะ ก่อนจะตั้งสติ และเรียบเรียงความคิดใหม่อีกครั้งว่า อย่าหวังพึ่งรัฐบาลแบบนี้อีกเลย เพราะมีเวลาบริหารจัดการเรื่องต่าง ๆ 2 ปี กลับไม่ทำหอกอะไรเลย (ถ้าเพื่อนซี้ฮุน เซนไม่ออกมาแฉ คนไทยก็คงถูกหลอกต่อไป) นะเนี่ย
งานนี้อย่าไปโทษผลพวงจากในอดีตให้เสียทรงมากไปกว่าเดิมอีกเลย เพราะสิ่งที่ทุกคนรับรู้ในเวลานี้ มันเกิดจากฝีมือของรัฐบาลเองทั้งนั้น! “โมนิก้า” เลยมองว่า อย่าสร้างภาพให้เสียเวลาอีกเลย!..สู้เอาเวลามาช่วยกันหาทางออกให้กับประเทศดีกว่า แถมภาษีทรัมป์ที่ไทยโดนเรียกเก็บ 36% ก็เป็นระดับที่เท่ากับเขมรแบบนี้..ขายขี้หน้าสุด ๆ อีฉันเลยหวังว่า การเจรจาในรอบถัดไป ก่อนจะมีผลบังคับใช้ 1 ส.ค. จะออกมาดีเหมือนที่เก็งกันนะคะ
เนื่องจากตลาดหุ้นไทยเด้งรอรับข่าวดังกล่าวแล้ว “โมนิก้า” จึงอยากให้นักเล่นประเมินการยืนปิดที่ระดับ 1,115.65 จุด เหลือลบไป 7.35 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 2.95 หมื่นล้านบาท ใช่การส่งสัญญาณให้นักเล่นรู้ว่า ปัญหาดังกล่าวจะไม่รุนแรงเหมือนที่กังวลกันหรือเปล่า?..หากเป็นเช่นนั้นจริง ๆ ก็คงได้เห็นดัชนีวิ่งขึ้นไปทดสอบไฮเดิมครั้งก่อนที่บริเวณ 1,230 จุดอีกครั้ง ซึ่งอีฉันหวังในใจจะเป็นเช่นนั้นนะจะบอกให้
โมนิก้าและทีมงาน