UNIQ กำไรโป่งพอง.!

หลังจากช่วงเช้าในวันที่ 30 มิ.ย. 2568 UNIQ แจ้งข่าวดีว่า กิจการร่วมค้า เอส ยู ได้รับเงินตามสัญญาในงานก่อสร้างโครงการระบบรถไฟชานเมือง (สายสีแดง) ช่วงบางซื่อ-รังสิต


หลังจากช่วงเช้าในวันที่ 30 มิ.ย. 2568 บริษัท ยูนิค เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ UNIQ แจ้งข่าวดีว่า กิจการร่วมค้า เอส ยู ได้รับเงินตามสัญญาในงานก่อสร้างโครงการระบบรถไฟชานเมือง (สายสีแดง) ช่วงบางซื่อ-รังสิต สัญญาที่ 1 งานโยธาสำหรับสถานีกลางบางซื่อและศูนย์ซ่อมบำรุง เป็นจำนวนเงิน 7,394.83 ล้านบาท เข้ากระเป๋าเรียบร้อยแล้ว

ก็ทำให้เปิดตลาดฯ มาในวันนั้น หุ้น UNIQ พุ่ง 30.36% ชนซิลลิ่งทันที..!!

แหม๊…จะไม่ให้ดีอกดีใจกันได้ไง เพราะเป็นการปิดฉากข้อพิพาทที่ยืดเยื้อมากว่า 10 ปี ระหว่างการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) กับกิจการร่วมค้า เอส ยู ที่มี UNIQ ถือหุ้นสัดส่วน 40% และบริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่งแอนด์คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) ในกลุ่มบริษัท สเตคอน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ STECON ถือหุ้นสัดส่วน 60% ได้เสียที..!!

ส่วนที่มาที่ไปของปมพิพาทนี้ สืบเนื่องมาจากช่วงต้นปี 2556 กิจการร่วมค้า เอส ยู ได้รับงานก่อสร้างโครงการระบบรถไฟชานเมือง (สายสีแดง) ช่วงบางซื่อ-รังสิต สัญญาที่ 1 งานโยธาสำหรับสถานีรถไฟบางซื่อและศูนย์ซ่อมบำรุง วงเงินสัญญา 29,826.97 ล้านบาท 

ต่อมามีคำสั่งเปลี่ยนแปลงงาน เพิ่มเติม (Variation order – VO) ประมาณ 194 รายการ มูลค่ากว่า 4,2472.29 ล้านบาท ซึ่งเอกชนต้องสำรองจ่ายไปก่อน และรฟท.ค้างชำระค่าจ้างดังกล่าว นำมาสู่การยื่นข้อพิพาทการพิจารณาของอนุญาโตตุลาการ เมื่อวันที่ 14 ธ.ค. 2564 โดยเรียกค่าเสียหายเป็นเงินถึง 7,200 ล้านบาท

ต่อมาศาลปกครองกลางมีคำพิพากษา เมื่อวันที่ 10 เม.ย. 2568 ให้ รฟท.ปฏิบัติตามคำชี้ขาดของคณะอนุญาโตตุลาการ เมื่อวันที่ 21 พ.ย. 2565 โดยให้ รฟท.ชำระเงินให้ กิจการร่วมค้า เอส ยู กรณีไม่ปฏิบัติตามสัญญา โครงการรถไฟชานเมืองสายสีแดง สัญญา 1 ตามคำสั่งเปลี่ยนแปลงงานเพิ่มเติม จำนวน 4,204.29 ล้านบาท และภาษีมูลค่าเพิ่มจำนวน 27,654.88 ล้านบาท โดยให้ รฟท.ปฏิบัติตามคำสั่งดังกล่าวให้แล้วเสร็จภายใน 60 วัน หรือครบกำหนดในวันที่ 9 ก.ค. 2568

เรื่องก็เป็นเช่นนี้แล…แต่มันกลายเป็นอีกหนึ่งค่าโง่ราคาแพงที่รัฐต้องนำเงินภาษีประชาชนมาจ่ายเกือบหมื่นล้าน..!! น่าเศร้าใจจริง ๆ…

กลับมาที่ UNIQ เมื่อกิจการร่วมค้า เอส ยู ได้รับเงินก้อนใหญ่  7,394.83 ล้านบาท จาก รฟท.แล้ว…ถ้าคิดตามสัดส่วนการถือหุ้น 40% UNIQ จะรับรู้ราว 2,957.93 ล้านบาท ขณะที่ STECON จะรับรู้ราว 4,436.90 ล้านบาท

จุดที่น่าสนใจ เนื่องจากก่อนหน้านี้ UNIQ ได้ตั้งสำรองไปแล้ว นั่นหมายความว่าต้องมีการกลับรายการจากการตั้งสำรองดังกล่าว ซึ่งจะทำให้กำไรในไตรมาส 2/2568 โป่งพองเป็นพิเศษ..!!

งั้นจากเดิมที่เห็น UNIQ มีกำไรไตรมาสละหลักสิบล้าน ในไตรมาสนี้ก็จะกระโดดไปแตะหลักพันล้านบาท และจะหนุนให้กำไรทั้งปีมีโอกาสแตะระดับพันล้านบาทนะสิ จากเดิมปีหนึ่ง ๆ มีกำไรไม่กี่สิบล้านบาท หรืออย่างมากก็หลักร้อยล้านบาทเท่านั้น..!?

โอ้วววแม่เจ้า…ถ้าเป็นจริงตามนี้หุ้น UNIQ ไม่วิ่งระเบิดเถิดเทิงไปเลยเหรอ..??

ไม่นับรวมที่ UNIQ เป็นหนึ่งในซุปเปอร์ซับ (Sub-contract) ที่ช่วงนี้ดูงานจะชุกเป็นพิเศษ ไม่ว่าจะเป็นการไป Joint Venture หรือรับงานโดยตรง หลังจากซุปเปอร์ซับอีกค่ายบริษัท เนาวรัตน์พัฒนาการ จำกัด (มหาชน) หรือ NWR เพลี่ยงพล้ำ…ต้องสาละวนกับการแก้ปัญหาชีวิตตัวเอง ก็ทำให้ UNIQ โดดเด่นขึ้นมาทันที

ล่าสุดกิจการร่วมค้า ยู-เอเอสไอ ซึ่ง UNIQ ถือหุ้นในสัดส่วน 55% ร่วมกับบริษัท อสิตากิจ จำกัด ถือหุ้นสัดส่วน 45% เพิ่งได้งานก่อสร้างขุดคลองระบายน้ำหลากพร้อมอาคารประกอบ สัญญาที่ 7 โครงการคลองระบายน้ำหลาก บางบาล-บางไทร จ.พระนครศรีอยุธยา จากกรมชลประทาน มูลค่าโครงการ 849.70 ล้านบาท คิดตามสัดส่วนการถือหุ้นจะอยู่ที่ 467.33 ล้านบาท

เลยทำให้ช่วงนี้มีแรงเข้ามาเก็งกำไรในหุ้น UNIQ กันคึกคัก…

เอาเป็นว่า ใครใคร่ซื้อก็ชื้อ…ส่วนใครใคร่ขายก็ขาย

เลือกที่สบายใจล่ะกัน…

…อิ อิ อิ…

Back to top button