
พาราสาวะถี
สนามเลือกตั้งไม่ว่าจะเล็กหรือใหญ่ ขึ้นชื่อว่านักการเมืองเพื่อหวังผลแห่งชัยชนะย่อมจัดหนักจัดเต็มใส่กันยับสำหรับการขึ้นเวทีปราศรัยหาเสียง
สนามเลือกตั้งไม่ว่าจะเล็กหรือใหญ่ ขึ้นชื่อว่านักการเมืองเพื่อหวังผลแห่งชัยชนะย่อมจัดหนักจัดเต็มใส่กันยับสำหรับการขึ้นเวทีปราศรัยหาเสียงช่วยผู้สมัคร เหมือนกับที่เกิดขึ้นในการเลือกตั้งซ่อมสส. เขต 5 ศรีสะเกษ อนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย เปลี่ยนไปเป็นคนละคนกับที่เคยร่วมรัฐบาลเพื่อไทย ทุกถ้อยคำที่พูดออกมานั้น สาดใส่พรรคเพื่อไทยรวมทั้ง ทักษิณ-แพทองธาร ชินวัตร ไม่ยั้ง ประหนึ่งว่าไม่เคยร่วมงาน หรือสนิทชิดเชื้อกันมาก่อน
หากไม่มีปมเรื่องถอนตัวจากการร่วมรัฐบาล หรืออีกนัยหนึ่งถ้าไม่ชิงหนีตีชิ่งออกมาก็จะถูกเฉดหัวพ้นรัฐนาวาอยู่ดี ดังนั้น การสร้างวาทกรรม หรือเกิดวลีทองใดๆ โจมตีไปยังรัฐบาลและหัวขบวนของพรรคแกนนำ ย่อมหนีไม่พ้นถูกมองเกิดจากภาวะแค้นฝังหุ่น แม้จะไม่มีการพูดถึงกันตรงๆอันเป็นการเลี่ยงบาลี หนีข้อกฎหมาย แต่ใครได้ยินได้ฟังย่อมเข้าใจได้ว่าหมายถึงใคร คงเป็นธรรมดาประสานักเลือกตั้ง ถ้าปลายทางต้องกลับมาจับมือกัน ก็จะอ้างบนเวทีกลอนพาไป เพื่อชัยชนะต้องทำทุกอย่างให้ได้คะแนน
ต้องรอฟังนายใหญ่ที่จะขนทัพไปลุยศึกหนนี้ คราวเลือกตั้งนายก อบจ. เมืองดอกลำดวน ผู้สมัครของพรรคเพื่อไทยอาจพ่ายแพ้ แต่กับเกมเลือกตั้งซ่อมแบบนี้แถมเป็นเจ้าของพื้นที่เดิมด้วย จึงต้องระดมสรรพกำลังเอาให้อยู่หมัด บรรดาข้อกล่าวหาที่เสี่ยหนูพาดพิงมานั้น เมื่อถึงเวลาถูกโต้กลับก็อย่าร้องแล้วกัน เหมือนอย่างที่ทีมกฎหมายพรรคสีน้ำเงิน จะไปดำเนินคดีกับ สมศักดิ์ เทพสุทิน ที่ไปช่วยปราศรัยเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา แล้วกล่าวหาว่าเสี่ยหนูและชาวคณะยุคคุมมหาดไทยไม่แก้ไขปัญหายาเสพติด
ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างการเลือกตั้งล้วนแต่เป็นแท็กติก เป็นการช่วงชิงความได้เปรียบทั้งสิ้น จากที่เคยเกรงใจกัน เมื่อไม่ต้องมาแทงกั๊กกันแล้วก็ต้องขุดคุ้ย กล่าวหา โดยทั้งหมดจะอยู่ในสายตาของ กกต. ในฐานะดูแลการเลือกตั้ง ตามกฎหมายใครโจมตี ให้ร้ายป้ายสีคู่แข่งถือว่ามีความผิด ถ้าได้รับเลือกตั้งอาจจะถูกสอยเอาได้ ดังนั้น หลังฟังการปราศรัยอาจได้แค่ความมันจากการใส่สีตีไข่ แต่ประเด็นที่พูดอาจห่างไกลจากความเป็นจริง ณ จุดนี้ฝ่ายที่ไม่ได้กุมอำนาจรัฐย่อมอยู่ในฐานะเสียเปรียบอีกฝั่งแทบทุกทาง
ประเภทไก่เห็นตีนงู จะขยับอะไรอีกฝ่ายย่อมรู้ความเคลื่อนไหว และอ่านเกมออก แค่ดักคอเจ้าหน้าที่รัฐไว้ล่วงหน้าจากที่หวังว่าจะสามารถอาศัยอำนาจบางอย่างมาเกื้อหนุนก็ทำไม่ได้เหมือนที่ผ่านมา อาจจะมีแรงหนุนจากฝ่ายท้องถิ่น แต่ทำอะไรได้ไม่มาก เพราะถึงตอนนี้แยกกันยากระหว่างมิตรกับศัตรู คนที่เห็นว่ามีไมตรีต่อกัน พอถูกผู้มีอำนาจ และบารมีเล่นงาน เพื่อความอยู่รอดปลอดภัยก็จำใจต้องแปรพักตร์มีให้เห็นกันมานักต่อนักแล้ว
เรื่องนายใหญ่ไปช่วยหาเสียงได้รับการการันตีทั้งจากเจ้าตัว และบรรดาแกนนำพรรคว่าไปแน่ แต่กรณีของแพทองธารฐานะหัวหน้าพรรคเพื่อไทยยังอุบไต๋ไว้ก่อน เป็นธรรมดาที่จะต้องตรวจสอบข้อกฎหมายต่าง ๆ ให้ชัดเจน และติวกันเข้มถ้าไปขึ้นเวทีปราศรัยอะไรที่สมควรพูด หรือไม่ต้องพูด หากเกิดพลาดท่าเสียทีขึ้นมาจะพังกันเป็นแถบ ๆ ประเมินกันจนวินาทีสุดท้ายแล้ว ค่อยมาเคาะกันอีกทีไปแล้วได้คุ้มเสียหรือไม่ บางทีการปล่อยให้พ่อนายกฯ ลุยเองพร้อมทัพหลวง น่าจะปลอดภัยมากกว่า
ประเด็นทหารไทยเหยียบกับระเบิดจนขาขาดที่ช่องบก มีการพูดถึงกันมากกว่าฝ่ายกัมพูชาในฐานะผู้วางทุ่นระเบิด เข้าข่ายกระทำผิดตามอนุสัญญาออตตาวา หรือสนธิสัญญาห้ามทุ่นระเบิดสังหารบุคคล Ottawa Treaty ที่จัดทำขึ้นเมื่อปี 2540 หรือ ค.ศ. 1997 ที่กรุงออตตาวา ประเทศแคนาดา เป็นอนุสัญญาระหว่างประเทศที่ห้ามใช้ ผลิต เก็บรักษา ส่งออกหรือถ่ายโอนทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ให้รัฐภาคีทำลายทุ่นระเบิดที่มีอยู่ในคลังภายใน 4 ปี ให้เคลียร์พื้นที่ทุ่นระเบิดที่ฝังไว้ภายใน 10 ปีหลังเข้าเป็นภาคี และให้ช่วยเหลือเหยื่อที่ได้รับผลกระทบจากทุ่นระเบิด
สำหรับประเทศไทยได้ลงนามให้สัตยาบันเข้าร่วมในอนุสัญญาดังกล่าวเมื่อปี 2541 ส่วนเขมรเข้าร่วมในปีถัดมาคือ 2542 ทำให้มีพันธะตามกฎหมายระหว่างประเทศ ห้ามใช้ ผลิต เก็บรักษา ส่งออกและถ่ายโอนทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ดังนั้น หากตรวจพิสูจน์ชัดว่าฝ่ายกัมพูชาเป็นผู้วางทุ่นระเบิดที่เกิดเหตุ ทางไทยสามารถที่จะยื่นร้องเรียนเรื่องนี้เข้าที่ประชุมรัฐภาคีสนธิสัญญาออตตาวา เพื่อเพิ่มแรงกดดันระดับนานาชาติต่ออีกฝ่าย พร้อมกับใช้ช่องทางการตามหลักสากล ฟ้องประชาคมโลก หรือสหประชาชาติได้
โดยที่ผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายความมั่นคงระหว่างประเทศแนะนำให้ฝ่ายที่เกี่ยวข้องเก็บหลักฐานทุกอย่างให้ละเอียด ซึ่งสอดรับกับ พลเอกณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหมที่ย้ำว่า การสำรวจตรวจค้นทุ่นระเบิดไม่ใช่การหาของในสนามหญ้า ต้องค่อยเป็นค่อยไป ถ้าไปเร่งรัดมาก เจ้าหน้าที่ตรวจค้นเกิดประสบอุบัติเหตุอีกจะเป็นเรื่องใหญ่ แม้จะเร่งรัดก็ต้องทำทุกอย่างด้วยความรัดกุม รอบคอบ เพื่อพิสูจน์เรื่องนี้ให้กระจ่างชัด
นอกจากนี้ บิ๊กเล็กยังเรียกร้องสื่อให้เข้าใจกระบวนการทำงานของเจ้าหน้าที่ ไม่ได้หวังแต่จะนำเสนอให้ได้ตามที่ต้องการเพียงอย่างเดียว ถ้านับตั้งแต่เกิดเหตุการณ์วันที่ 16 กรกฎาคม จนถึงวันนี้ได้ขนาดนี้ ในประสบการณ์ชีวิตรับราชการของตนถือว่าเร็วแล้ว ขณะเดียวกันการประชุมคณะกรรมการออตตาวาจะมีขึ้นประมาณเดือนพฤศจิกายนถึงธันวาคมปีนี้ ดังนั้น ไม่ว่าจะส่งฟ้องตอนไหนมีค่าเท่ากัน เพราะต้องรอ ดังนั้น ควรให้เจ้าหน้าที่ทำสำนวนให้รอบคอบดีกว่าหรือ ถ้ารีบทำเกิดการไม่รับฟ้องสำนวนก็ตก หรือทำไปแล้ว กัมพูชาสามารถโต้กลับมาได้ ก็จะเสียความน่าเชื่อถือไป
กรณีนี้ต้องยอมรับว่าจะผลีผลาม บุ่มบ่ามไม่ได้ เพราะเรื่องของการละเมิดอนุสัญญาออตตาวานั้น หากพิสูจน์ชัดว่าผิดจริง กัมพูชาจะได้รับผลกระทบไปแบบเต็ม ๆ มันหมายถึงศักดิ์ศรีของประเทศ รวมไปถึงจะถูกตัดเงินสนับสนุนจากองค์กรที่ให้กัมพูชาเพื่อทำลายทุ่นระเบิดด้วย โดย พลโทบุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ย้ำ ไม่ใช่แค่การฟ้องที่ประชุมรัฐภาคีสนธิสัญญาออตตาวาเท่านั้น ไทยจะต้องร้องประชาคมโลกให้ช่วยตำหนิและวิจารณ์ประเทศที่ขัดต่ออนุสัญญาดังกล่าว ถือเป็นการตระบัดสัตย์ข้อตกลงที่ทำร่วมกันไว้ด้วย
อรชุน